'กองทัพสหรัฐ' แจ้งข้อมูลตรงถึงเพนตากอน ปลายปี 63 นี้ เข้าถึงวัคซีนรักษาโรคโควิด-19 ได้แน่นอน - 'ทรัมป์' จับมือ ปธน.บราซิล ทดลองใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ไม่สนคำเตือน 'ฮู' - กรุงโตเกียว เปิดไฟแดงสะพานสายรุ้งเตือนหลังผู้ติดเชื้อใหม่พุ่ง 34 ราย- ล่าสุด'บราซิล' ติดเชื้อใหม่ 2.7 หมื่น ตายรายวัน 1.2 พัน แซงสหรัฐแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัส ว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา มีรายงานจาก พ.อ.เวนดี้ แซมมอนส์ แจ็คสัน ผู้อำนวยการโครงการวิจัยและศึกษาโรคติดต่อกองทัพสหรัฐ ที่ส่งตรงถึงเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ระบุว่า ภายในช่วงปลายปี 2563 นี้ สหรัฐฯ น่าจะสามารถเข้าถึงวัคซีนการรักษาโรคโควิด-19 ได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวจากทำเนียบขาวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกับนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ในการร่วมกันวิจัยยาที่จะใช้รักษาโรคโควิด โดยประธานาธิบดีทั้ง 2 ประเทศ มีความเห็นตรงกันถึงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาว โดยสหรัฐฯ จะมีการหารือถึงการส่งยาไฮดรอกซีคลอโรควินจำนวนกว่า 2 ล้านโดส พร้อมกับการวิจัยการใช้ยาดังกล่าวเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด ทั้งในระยะเริ่มต้น และการใช้ยาเพื่อป้องกันผู้ป่วยโรคโควิด 19 ร่วมกับประเทศบราซิล
ทั้งที่ ก่อนหน้านี้มีการแจ้งเตือนจากหลายองค์กรด้านสุขภาพ ร่วมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า การใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน มีผลข้างเคียงอันตรายโดยเฉพาะอาการการเต้นที่ผิดจังหวะของหัวใจ
ส่วนสถานการณ์ที่ประเทศรัสเซีย มีรายงานข่าวว่า กองทัพรัสเซียได้เกณฑ์ทหารอาสาสมัครจำนวนมากกว่า 12 นาย เพื่อทดลองการใช้วัคซีนรักษาโรคโควิด โดยการทดลองดังกล่าว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน
ขณะที่กรุงโตเกียว มีการเปิดไฟแสงสีแดงที่สะพานสายรุ้ง ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของกรุงโตเกียวในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบแจ้งเตือนภัยของทางการกรุงโตเกียว หลังจากที่เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.นั้นปรากฏว่ากรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งขึ้นไปถึง 34 ราย
อ้างอิงรูปภาพจากสำนักข่าวเจแปนไทม์
สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลกนั้น ในช่วงเช้าวันที่ 3 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ป่วยทั้งสิ้นว่า มีอยู่ที่ 6,479,178 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 115,982 ราย เสียชีวิต 381,859 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,669 ศพ
ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดทั้งในทวีปและในโลก ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,881,205ราย ติดเชื้อรายใหม่ 21,882 รายเสียชีวิต 108,059 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,134 ศพ
ทวีปอเมริกาใต้ บราซิลมียอดผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของทวีปและอันดับ 2 ของโลก โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 556,668ราย ติดเชื้อใหม่ 27,263 เสียชีวิต 31,278 ศพ เสียชีวิตใหม่ 1,232ศพ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และผู้เสียชีวิตใหม่นั้นแซงหน้าสหรัฐฯแล้ว
ทวีปยุโรป รัสเซียมีผู้ติดเชื้อ 423,741 ราย ติดเชื้อใหม่ 8,863 ราย เสียชีวิต 5,037 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 182 ศพ
ทวีปเอเชีย ประเทศอินเดีย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 207,191 ติดเชื้อใหม่ 8,821ราย เสียชีวิต 5,608 ศพ เสียชีวิตใหม่ ส่วนที่อิหร่านนั้นพบว่ามียอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นไปถึง 3,117 รายแล้ว ซึ่งถือว่าวันที่ 2 ที่อิหร่านกลับมามีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน สิงคโปร์ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 35,836 ราย ติดเชื้อใหม่ 544 ราย โดยเป็นแรงงานต่างชาติติดเชื้อจำนวน 540 ราย เสียชีวิตสะสม 24 ราย
ขณะที่อินโดนีเซีย มียอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในอาเซียนอยู่ที่ 609 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงสุดในอาเซียนอยู่ที่ 1,663 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 22 ศพ
ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้นั้นเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 โดยมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 35,812 ราย และเสียชีวิต755ศพ
เรียบเรียงจาก:https://www.japantimes.co.jp,https://www.theguardian.com/,https://www.straitstimes.com/,https://www.worldometers.info/coronavirus/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/