‘พนักงานออมสิน’ ร้อง ‘อิศรา’ ถูกกลั่นแกล้ง โดยการ ‘งดโบนัส-หักเงินเดือน 5%’ หลังทักท้วงปมอนุมัติสินเชื่อบริษัทเอกชนที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทฯที่เคยสร้างความเสียหายให้กับแบงก์มาในอดีต ขณะที่ ‘ชาติชาย’ แจงกระบวนอนุมัติสินเชื่อมีคณะกรรมการพิจารณานับสิบคน และพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล โต้พนักงานรายนี้บิดเบือนข้อมูล ให้ข้อมูลเท็จ ชี้หากผู้บังคับบัญชาทำผิดจริง เหตุใดไม่ฟ้องศาลแรงงาน-ศาลปกครอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักข่าวอิศราได้รับการร้องเรียนจากพนักงานธนาคารออมสินรายหนึ่งว่า ถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยอย่างไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยระเบียบของธนาคารออมสินที่ 610 ข้อ 30 หลังจากพนักงานรายดังกล่าว ให้ความเห็นทักท้วงการอนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งผู้ถือหุ้นในบริษัทรายนี้ มีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มลูกหนี้ที่เคยทำความเสียหายให้แก่ธนาคารมาแล้วในอดีต
นอกจากนี้ พนักงานรายนี้ยังได้ทักท้วงคำขอสินเชื่อของบริษัทเอกชนอีกรายหนึ่ง วงเงินสินเชื่อประมาณ 300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ มีเจ้าของเป็นบุคคลที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ซึ่งเคยสร้างความเสียหายให้แก่ธนาคารออมสินในอดีตเช่นกัน
สำหรับคำทักท้วงการอนุมัติสินเชื่อทั้ง 2 กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา และต่อมาพนักงานรายนี้เข้าร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยกล่าวหาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ทำให้ธนาคารออมสินเสียหาย จากนั้นคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ
ขณะเดียวกัน พนักงานรายนี้ยังส่งหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริหารธนาคารออมสินรายหนึ่ง ไปยังประธานกรรมการธนาคารออมสินในขณะนั้น เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย
อย่างไรก็ตาม ต่อมาธนาคารออมสินได้ดำเนินตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า "เป็นเรื่องการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา” จากนั้นพนักงานรายนี้ถูกระงับและงดจ่ายโบนัสประจำปี รวมทั้งถูกตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 3 เดือน
สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อไปยังนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยนายชาติชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด และเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และดำเนินการกลไกต่างๆของธนาคารอยู่แล้ว เช่น หากมีการร้องเรียนเรื่องใดๆเข้ามา ธนาคารต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร
“เวลามีกระบวนการอะไรต่างๆ แบงก์ก็ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่การตั้งเรื่องขึ้นมา แล้วสอบเรื่องที่เกิดขึ้นว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีกระบวนการตั้งแต่การเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริง วิธีพิจารณาทางวินัยต่างๆ และการอุทธรณ์ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนคนที่ถูกลงโทษตามคำสั่ง เขาก็มีโอกาสอุทธรณ์คำสั่งได้ นี่คือกระบวนการของแบงก์ จึงไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้งอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถกลั่นแกล้งได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าสอบแล้วพบว่าไม่เป็นความจริง คนที่ไปกลั่นแกล้งเขาก็จะต้องถูกลงโทษ เพราะมีกระบวนการปกติอยู่ ดังนั้น การที่มีการร้องเรียนในเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริง ก็เป็นตามกลไกภายในแบงก์” นายชาติชายกล่าว
นายชาติชาย ยังระบุว่า หากผู้ร้องเรียนเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถไปฟ้องศาลได้ เช่น ฟ้องศาลแรงงานได้ และด้วยกลไกของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งใครแน่นอน
“ถ้าเป็นข้อเท็จจริงเขาสามารถฟ้องร้องดำเนินคดี ฟ้องศาลแรงงานได้ แต่เขาไม่ใช่วิธีนี้ เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริง พอเป็นแบบนั้น เขาก็ใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น ทั้งๆที่ความจริงแล้ว กระบวนการยุติธรรมของแบงก์ ของศาลก็มีเยอะแยะ ถ้าเขามั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้งแบบนั้น เขาก็ไปฟ้องศาลแล้ว แต่ทำไมเขาไม่ไปฟ้องล่ะ ก็เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริง สิ่งที่เขาอ้างเป็นสิ่งที่บางครั้งบิดเบือนจากข้อเท็จจริงหลายเรื่อง
ผมไม่รู้ว่าเขาถูกตัดเงินเดือนหรือไม่ ถ้าเขาถูกตัดเงินเดือน แปลว่าเขาให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งเขาทำไม่ถูก อย่างอ้างว่าคนๆนี้เกี่ยวข้อง แต่คนๆนี้ยังไม่เข้ามาเลยตอนอนุมัติสินเชื่อ และยังให้ร้ายผู้บังคับบัญชา ทั้งๆที่ผู้บังคับบัญชายังไม่เข้ามาอยู่ในแบงก์เลยอย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่เขาถูกลงโทษ เพราะเขามีการกระทำที่บิดเบือน อย่างที่รายงานกับสื่อก็เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้
แต่พอพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว มันไม่ใช่ ก็เลยกล่าวได้ว่าสิ่งที่คุณไปพูด ไปร้องเรียนชาวบ้านนั้น มันไม่จริงทั้งสิ้น เขาถึงไม่กล้าไปฟ้องร้อง ถ้าเขาถูกจริง เขาฟ้องร้องไปแล้ว มีทั้งศาลปกครอง มีศาลแรงงาน ส่วนแบงก์เองจะทำอะไร ก็ทำเป็นขั้นเป็นตอน ใครจะไปตัดเงินเดือนใครง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่กรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบวินัยเขาต้องมั่นใจ ใครจะไปสั่งได้ สั่งไม่ได้หรอก เพราะมีข้อกำหนดที่เป็นความผิดต่างๆ ในกฎหมายก็ระบุไว้ชัดเจน ไม่สามารถไปให้ร้ายใครได้ โดยไม่มีข้อเท็จจริง”นายชาติชายกล่าว
(ชาติชาย พยุหนาวีชัย ขอบคุณภาพ : สยามรัฐ)
เมื่อถามว่า ผู้ร้องเรียนระบุว่าถูกผู้บังคับบัญชาตั้งกรรมการสอบวินัย เพราะไปคัดค้านการอนุมัติปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทเอกชนบางราย ที่มีผู้ถือหุ้นเคยเป็นเจ้าของบริษัทฯ ซึ่งเคยสร้างความเสียหายให้กับธนาคารออมสินในอดีต แต่สุดท้ายตัวผู้ร้องเรียนถูกลงโทษเสียเองนั้น นายชาติชาย กล่าวว่า กรณีการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อนั้น จะมีคณะกรรมการอนุมัติทำหน้าที่พิจารณาและอนุมัติสินเชื่อเป็นสิบคน ไม่ได้มีแค่คนสองคน ส่วนใครจะทักท้วงอะไรต้องดูด้วยเหตุด้วยผล
“คณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อจะมีเป็นสิบคนเลย ไม่ได้มีแค่คนสองคน ดังนั้น ใครจะทักท้วงหรือใครจะอะไร ก็ต้องดูด้วยเหตุด้วยผลทั้งหมด ถ้ามีเหตุมีผลอย่างไรที่จะไม่ได้ เขาก็ไม่อนุมัติ แต่ถ้าเป็นความเสี่ยงที่แบงก์รับได้เขาก็รับ จึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าทักท้วงแล้ว เขาไม่อนุมัติ แล้วมาตั้งกรรมการสอบ คือ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งสิ้น…แต่เวลาไปอ้างในสื่อหรืออะไร ก็พยายามบิดเบือน ทำให้สิ่งที่ออกไปเป็นคนละเรื่องกับข้อเท็จจริง” นายชาติชายกล่าว
อ่านประกอบ :
บอร์ดมีมติเลือก “วิทัย รัตนากร” นั่งผอ.แบงก์ออมสินคนใหม่
ชำแหละงบจัดงานวันเด็กปี 58-62 รวม 4.3 หมื่นโครงการ 1.3 พันล.-แบงก์ออมสินแชมป์
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/