'บ.สหรัฐ' เผยผลทดสอบยาเรมดิเซเวียร์ทดลองใช้รักษาคนไข้แล้วได้ผลดี ด้าน WHO เตือนหลายประเทศ ใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยเสี่ยงทำเชื้อดื้อยา-ยอดตายเพิ่มอีก -'ญี่ปุ่น' ปูพรมตรวจหาคนหายแล้วหวังสร้างภูมิคุ้มกัน -ล่าสุด 'อิหร่าน' ส่อเจอระบาดรอบ 2 หลังติดเชื้อพุ่ง 2.9 พันคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัส ว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท Gilead Sciences Inc ได้ออกมารายงานผลการทดสอบการใช้ยาเรมดิเซเวียร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อรักษาผู้ป่วยทดลองจำนวน 600 ราย พบว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจ
โดยในวันที่ 11 ของการทดลอง พบว่าผู้ป่วยจำนวนกว่า 76 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับยาติดต่อกันมานานกว่า 5 วันนั้น มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับการรักษาแบบไม่ใช้ยานั้นจะพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นแค่จำนวน 66 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่ผู้ป่วยอีกจำนวน 70 ราย ของผู้ที่ได้รับยานานกว่า 10 วัน พบว่า มีอาการที่ดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวยังอยู่ในขั้นทดสอบเบื้องต้น อีกทั้งตัวเลขการทดลองนั้นแม้จะมีผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้น แต่ตัวเลขยังไม่ถึงจุดที่จะยืนยันได้ว่า ยานั้นประสบความสำเร็จได้อย่างแน่ชัด ดังนั้น ทางบริษัทจึงต้องทดลองและศึกษารายละเอียดเช่นความแตกต่างของประชากรในกลุ่มทดลองต่อไป
ในวันเดียวกันที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) นายเทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้ออกมาประกาศเตือนว่า การใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนบ่อยครั้งในหลายประเทศเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้น อาจจะทำให้เกิดสภาวะดื้อยาได้ และจะนำมาซึ่งการเสียชีวิตเป็นจำนวนมากขึ้นในสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานว่าได้มีการเริ่มสุ่มตรวจเลือดในกลุ่มประชาชนจำนวน 10,000 ราย ในกลุ่มที่คละอายุกัน เพื่อจะตรวจสอบว่าในการระบาดระลอกแรกที่ผ่านพ้นไป มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงกี่คน ซึ่งหายจากอาการป่วยแล้ว และมีสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีต่อโรคโควิด โดยรัฐบาลญี่ปุ่นหวังว่าการหาตัวผู้ที่ติดเชื้อในระลอกแรกที่หายจากอาการป่วยได้นั้นจะเป็นการสร้างระบบภูมิคุ้มกันในการรับมือการระบาดครั้งที่ 2
สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลกนั้น ในช่วงเช้าวันที่ 2 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ป่วยทั้งสิ้นว่า มีอยู่ที่ 6,361,184 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 101,934 ราย เสียชีวิต 77,147 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3,009 ศพ
ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดทั้งในทวีปและในโลก ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,858,788 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 21,618 รายเสียชีวิต106,921 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 726 ศพ
ทวีปอเมริกาใต้ บราซิลมียอดผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของทวีปและอันดับ 2 ของโลก โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 529,018 ราย ติดเชื้อใหม่ 14,169 เสียชีวิต 30,046 ศพ เสียชีวิตใหม่ 732 ศพ โดยจำนวนผู้เสียชีวิตใหม่นั้นแซงหน้าสหรัฐฯแล้ว
ทวีปยุโรป รัสเซียมีผู้ติดเชื้อ 414,878 ราย ติดเชื้อใหม่ 9,035 ราย เสียชีวิต 4,855 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 162 ศพ จึงทำให้เป็นวันแรกที่รัสเซียมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงอันดับ 1 ของยุโรป ขณะที่ประเทศสเปน พบว่าเป็นวันแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ไม่พบผู้เสียชีวิตรายวันแม้แต่ศพเดียว
ที่อินเดีย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของเอเชียโดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 198,370 เสียชีวิต 5,608 ศพ ส่วนที่อิหร่านนั้นพบว่ามียอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นไปถึง 2,979 ราย ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลอิหร่านได้ประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมเข้าสู่การระบาดระลอก 2 แล้ว
ส่วนสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน สิงคโปร์ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 35,292 ราย ติดเชื้อใหม่ 408 ราย โดยเป็นแรงงานต่างชาติทั้งหมด เสียชีวิตสะสม 24 รายและมีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ศพ เป็นผู้หญิง 51 ปีชาวสิงคโปร์
ขณะที่อินโดนีเซีย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงสุดในอาเซียนอยู่ที่ 1,641 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 28 ศพ ส่วนฟิลิปปินส์ติดเชื้อรายวันสูงสุดอยู่ที่ 552 ราย
ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้นั้นเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 โดยมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 34,357 ราย และเสียชีวิต705 ศพ
เรียบเรียงจาก:https://www.japantimes.co.jp/news/2020/06/01/national/japan-starts-coronavirus-antibody-tests/#.XtWh0DozZPY,https://egyptindependent.com/iran-risks-second-coronavirus-wave-if-people-ignore-restrictions-minister/,https://www.aljazeera.com/ajimpact/remdesivir-shows-modest-improvement-moderate-covid-19-patients-200601200005029.html
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage