'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสม 6.1 ล้าน -'ทรัมป์' ยอมเลื่อนจัดประชุม จี 7 -'บราซิล' ติดเชื้อใหม่ทะลุ 3 หมื่น-'รัสเซีย'อนุมัติใช้ยาทดลองรักษาคนไข้-'สกอตแลนด์' เผยยอดตายโควิด 554 ศพ ป่วยเบาหวานด้วย-'โป๊ปฟรานซิส' ขอผู้นำโลกดำเนินนโยบายอย่างฉลาดช่วยเหลือผู้รับผลกระทบโควิด- เมือง'คิตะคิวชู' ญี่ปุ่น เจอสถานการณ์การระบาดระลอก 2 แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 31 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 6,149,436 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 123,056 ราย มีผู้เสียชีวิต 370,494 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,072 ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,815,820 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22,290 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 105,545 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,003 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้เสียชีวิตสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในโลก
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก ยังคงเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 374,471 ราย และมีผู้เสียชีวิต 29,612 ศพ
ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า ได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมผู้นำประเทศ จี 7 ไปแล้ว และได้วางแผนที่จะเชิญผู้นำประเทศนอกกลุ่ม จี 7 ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้เข้าร่วมประชุมด้วย
(หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา : กลุ่มประเทศจี 7 หมายถึง กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ประกอบไปด้วยประเทศสมาชิก 7 ประเทศคือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา)
ส่วนสถานการณ์รอบโลกนั้น ประเทศบราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 498,440 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30,102 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 28,834 ศพ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 890 ศพ ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และวันนี้ยังเป็นวันที่ 4 ที่บราซิลมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าสหรัฐฯ
ที่รัสเซีย มีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 396,575 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,952 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,555 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 181 ศพ ทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นอันดับหนึ่งในยุโรป แต่อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้กำหนดแนวทางว่าจะมีการทดลองใช้วัคซีนที่รัสเซียกำลังพัฒนา เพื่อรักษาคนไข้
โดยเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของรัสเซียได้อนุมัติให้มีการใช้ยา Avifavir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสตัวแรกที่รัสเซียได้คิดค้นออกมาเพื่อใช้ทำการรักษาผู้ป่วย ซึ่งหลักการทำงานของยาจะเป็นการหยุดกลไกการแบ่งตัวของไวรัสที่จะไปติดเชื้อในเซล์ต่างๆของร่างกาย
ยา Avifavir (อ้างอิงรูปภาพจาก:https://gmpnews.net)
ที่อังกฤษ มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 272,826 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,604 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 38,376ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 215 ราย ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็นอันดับสองของโลก และเป็นอันดับหนึ่งของยุโรป
ทั้งนี้ มีการเปิดเผยข้อมูลจากทางการสกอตแลนด์ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้เสียชีวิตจำนวน 554 ศพในสกอตแลนด์ที่ป่วยด้วยโรคโควิดนั้น เป็นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนสถานการณ์อื่นๆในยุโรปนั้น ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 232,664 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 416 ราย มีผู้เสียชีวิต 33,340 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 111 ศพ
ที่นครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ออกมาเรียกร้องในพิธีสวดมนต์ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ของอิตาลีเข้าร่วม โดยขอให้เหล่าผู้นำโลกดำเนินนโยบายอย่างชาญฉลาดทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจเพื่อที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและต้องตกงานจากโรคระบาด และไม่ควรทุ่มงบประมาณให้กับการวิจัยเพียงอย่างเดียว
พระสันตะปาปา ยังได้สวดมนต์ขอให้การพัฒนาวัคซีนนั้นประสบความสำเร็จและขอให้สถานการณ์โควิดสิ้นสุดโดยเร็ว
พิธีสวดมนตร์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส (อ้างอิงวิดีโอจากช่อง Vatican News English)
ที่สเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 286,308 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 664 ราย มีผู้เสียชีวิต 27,125 ศพ มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4 ศพ
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 188,625 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,828ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 28,771 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 57 ศพ
ที่เยอรมนี มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 183,294 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 275 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 8,600 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6 ศพ
สำหรับสถานการณ์ในเอเชียนั้น ที่อินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 181,827 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,336 ราย มีผู้เสียชีวิต 5,185 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 205 ศพ ทำให้อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดในทวีปเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ทางการอินเดียมีแผนที่จะปลดล็อกสถานที่ ได้แก่ ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้า และศาสนสถาน ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้
ส่วนที่ สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 34,366 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 506 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 23 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ สิงคโปร์ จึงยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 506 ราย ยังคงเป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหอพัก 501 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 25,773 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 557 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 1,573 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 53 ศพ ทำให้อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงสุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 17,224 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 590 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 950 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 8 ศพ ทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 7,762 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 30 ราย มีผู้เสียชีวิต 115 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
ที่บังกลาเทศ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 44,608 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,764 ราย มีผู้เสียชีวิต 610 ศพ มีผู้ติดเสียชีวิตรายใหม่ 28 ศพ
สำหรับสถานการณ์ในประเทศจีน มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 82,999 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 4,634 ราย
โดยล่าสุดมีรายงานว่ามีแรงงานชาวเยอรมนีจำนวน 400 ราย ซึ่งเป็นทั้งระดับผู้จัดการบริษัท พนักงาน และครอบครัว ได้เดินทางกลับมาที่ที่ทำการบริษัทย่อยที่ประเทศจีนแล้ว หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเบาบางลง
ที่อิหร่าน มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 148,950 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,282 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,734 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 57 ศพ
ที่เกาหลีใต้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 11,441ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 269 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 16,716 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 44 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 894 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ศพ
โดยญี่ปุ่น จะได้มีการยกเลิกข้อห้ามการปิดธุรกิจต่างๆในทุก 47 จังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
แต่ในเมืองคิตะคิวชูในจังหวัดฟูกูโอกะนั้นยังคงต้องประกาศมาตรการปิดสถานที่ทางธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป ภายหลังจากพบผู้ป่วยโควิดใหม่พุ่งสูงขึ้นถึง 26 ราย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการแพร่ระบาดดังกล่าว มาจากผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา จำนวน 10 ราย และอีก 9 ราย จากโรงพยาบาลเมืองคิตะคิวชู
โดยนายเคนจิ คิตาฮาชิ นายกเทศมนตรีเมืองคิตะคิวชู ยอมรับว่า ณ เวลานี้ เมืองได้เข้าสู่ภาวการณ์ระบาดครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการแล้ว
เรียบเรียงจาก:,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.themoscowtimes.com/,http://www.arirang.com/News/News_Index.asp,http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200528000203
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage