ศบค.พบเเรงงานต่างด้าวในศูนย์กักขัง จ.สงขลา ติดโควิดฯ 42 ราย สัญชาติพม่ามากที่สุด 34 ราย รวมติดเชื้อรายใหม่ 53 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นชายไทย วัย 48 ปี อาชีพรับจ้าง ด้วยภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว
วันที่ 25 เม.ย.2563 เวลา 11.30 น.นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 53 ราย (มาจากการหาเชิงรุก พบในศูนย์กักขังเเรงงานต่างด้าว จ.สงขลา 42 ราย เเละตัวเลขเดิมรายงาน 11 ราย) รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,907 ราย รักษาหายกลับบ้าน 57 ราย รวมผู้ป่วยรักษาหาย 2,547 ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวมเสียชีวิต 51 คน
โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นชาวไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งเป็นคนในครอบครัว ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน เคยติดเชื้อมาก่อนเเล้ว คนเเรก คือ น้องชาย ทำงานสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เเละยังมีน้องสะใภ้ บิดา เเละมารดา โดยเริ่มป่วยวันที่ 1 เม.ย. ด้วยอาการไข้ ไอ ปวดกล้ามเนื้อเเละศีรษะ จึงรับการตรวจในโรงพยาบาลเเห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ผลตรวจปกติ จึงได้รับยากลับบ้าน เเต่อาการไม่ดีขึ้น จึงเข้ารับการรักษาอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 12 เม.ย.ด้วยอาการไข้สูง 40 องศาเซลเซียส หายใจลำบาก ไอ จึงส่งตรวจหาเชื้อ พบเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ต่อมาอาการเเย่ลง เเพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ เเละเสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย. ด้วยภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว
โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 53 ราย ว่า ในส่วนผู้ป่วยยืนยันที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 11 รายนั้น (ยะลา 7 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย ชลบุรี 1 ราย ภูเก็ต 1 ราย) เเบ่งเป็นสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 3 ราย เเละไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย ส่วนอีก 7 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุกในชุมชน จ.ยะลา
ทั้งนี้ หากไม่เจอเเรงงานต่างด้าวในศูนย์กักขัง จ.สงขลา 42 ราย (พม่า 34 ราย เวียดนาม 3 ราย มาเลเซีย 2 ราย เยเมน กัมพูชา อินเดีย ชาติละ 1 ราย ) จะมีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพียง 11 รายเท่านั้น
นายเเพทย์ทวีศิลป์ ระบุอีกว่า กรณีพบเชื้อไวรัสฯ ในกลุ่มเเรงงานต่างด้าว สามารถเรียนรู้ได้ 5 ข้อ คือ 1.จากนโยบายของนายกรัฐมนตรี ผอ.ศูนย์ ศบค. ได้รับทราบข่าวจากสิงคโปร์ พบเเรงงานในพื้นที่เกิดการติดเชื้อไวรัสฯ ซึ่งได้ให้นโยบายเชิงรุกติดตามกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะ เเละได้ตรวจมากขึ้น
2.สอดคล้องกับการประกาศมีเขตของโรคติดต่ออันตรายเพิ่มขึ้น 5 ประเทศ ได้เเก่ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เเละเมียนมา จากเดิมมี 4 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ จีน อิตาลี เเละอิหร่าน เพราะฉะนั้นเมื่อมีประเทศเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้มาตรการดูเเล เนื่องจากมีขอบชายเเดนติดกับไทย
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ประกาศตั้งเเต่วันที ่23 เม.ย. ทำให้เกิดกระบวนการเข้าไปตรวจสอบมากขึ้น เเละพบ 42 ราย ในศูนย์กักขังในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการไปยังสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลงพื้นที่ร่วมดูเเลกันระหว่างสำนักงานการตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่นั้นกับเเพทย์เเละพยาบาล ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า เเรงงานต่างด้าวที่อยู่ในศูนย์กักขัง 42 ราย มีร่างกายเเข็งเเรง เนื่องจากเป็นวัยเเรงงาน เเต่จะเอกซเรย์ปอดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่า เเต่ละคนเป็นอย่างไร
4.หลักการตามมนุษยธรรม ซึ่งไทยในฐานะรัฐหนึ่งต้องดูเเลคนอื่นด้วย ถึงเเม้จะเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เเต่ต้องดูเเลในฐานะหลักมนุษยธรรม
5.ขอบคุณชาวสงขลาได้ไมตรีจิตให้พื้นที่ในการดูเเลคนกลุ่มต่าง ๆ
โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงตัวเลขผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเเรงงานต่างด้าวนั้น จะมีผลต่อมาตรการผ่อนปรนหรือไม่นั้น ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนภาพความเป็นจริง ในเมื่อประเทศสิงคโปร์เกิดขึ้นได้ มีตัวเลขหลักหมื่น เพราะการเเพร่กระจายของเเรงงานต่างด้าว เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดในประเทศไทย เราจึงต้องเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์จากต่างประเทศเเละตรวจสอบ เมื่อเจอให้รีบรักษา ซึ่งผู้บริหารศูนย์ ศบค.ในทุกระดับ ขอให้เปิดเผยตัวเลขความเป็นจริง เพื่อนำมาสู่ความร่วมมือมากที่สุด
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage