‘ฉลอง เทอดวีระพงศ์-นาที รัชกิจประการ’ รอด! กกต.ยกคำร้องปมรู้เห็นเป็นใจสนับสนุน สมาชิกกลุ่มไลน์ ‘รักเพื่อน’ โพสต์ข้อความใส่ร้าย ปชป. เอาผิดแค่เจ้าตัวคนโพสต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่ 41/2563 กรณีการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขต 2 จ.พัทลุง และการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับคำร้องว่า นายเปี่ยม สงคง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง (ผู้ถูกร้องที่ 1) นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) และนางนาที รัชกิจประการ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 3) ถูกกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ได้แก่ 1.นายเปี่ยม ถูกกล่าวหาว่าให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนแก่นายฉลอง และนางนาที 2.นายเปี่ยม ถูกกล่าวหาว่ากระทำการหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายฉลอง และนางนาที 3.นายฉลอง และนางนาที ถูกกล่าวหาว่า สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจกับนายเปี่ยม
กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันแล้วได้ความว่า กรณีนายเปี่ยมตั้งกลุ่มไลน์ชื่อ ‘รักเพื่อน’ เพื่อทำการเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยโพสต์ในกลุ่มว่า “ถ้าใครถูกจับตอนเที่ยงแจกเงิน ให้ว่าเงินพรรคประชาธิปัตย์ ผมถูกตำรวจมาสอบเรื่องเก็บบัตรประชาชน ผมบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้เก็บ” โดยผู้ร้องเห็นว่า การกระทำของนายเปี่ยม เป็นการให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ อย่างไรก็ดีจากการไต่สวนพยานบุคคลในกลุ่มไลน์ดังกล่าว ให้ถ้อยคำว่าไม่มีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องให้เงินหรือซื้อสิทธิขายเสียง พยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าทำผิดตามข้อกล่าวหา
ส่วนกรณีนายเปี่ยม กระทำการใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่นั้น จากการไต่สวนนายเปี่ยม ให้ถ้อยคำว่า โพสต์ข้อความข้างต้นจริง แต่ลบไปแล้ว สาเหตุที่โพสต์เพราะไม่พอใจการกระทำของผู้ร้องที่เคยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบกับการกระทำความผิดอาญาและกฎหมายเลือกตั้งที่บ้านของตน เมื่อนายเปี่ยมให้ถ้อยคำรับว่าเป็นผู้โพสต์จริง และข้อความนั้นเป็นความเท็จว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งที่ไม่ปรากฏพยานหรือหลักฐานหรือพฤติการณ์ว่ากระทำการดังกล่าว ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย การกระทำของนายเปี่ยม จึงผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ตามข้อกล่าวหา
ส่วนกรณีกล่าวหาว่า นายฉลอง และนางนาที เป็นสมาชิกกลุ่มไลน์ ‘รักเพื่อน’ ดังกล่าวด้วยนั้น และรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำของนายเปี่ยมตามข้อกล่าวหาข้างต้น จากการไต่สวนปรากฏว่าเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2562 เวลา 16.31 น. นายเปี่ยมโพสต์ข้อกล่าวดังกล่าว และทำการลบข้อความ โดยพยานบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์ดังกล่าว 2 ปาก ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นข้อความดังกล่าวในกลุ่มไลน์แต่อย่างใด ประกอบกับบริษัท ไลน์คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งว่า มิได้เป็นผู้ครอบครองข้อมูลแอปพลิเคชั่นกลุ่ม ‘รักเพื่อน’ จึงไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า นาย ทราบถึงการโพสต์หรือไม่ ส่วนนางนาทีมีพยานในกลุ่มไลน์ดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นสมาชิกในกลุ่ม ‘รักเพื่อน’ พยานหลักฐานจึงรับฟังไม่ได้ว่ากระทำผิดตามข้อกล่าวหา
กกต.จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายเปี่ยม ฐานใส่ร้ายด้วยความเท็จ ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 159 ส่วนข้อกล่าวหาอื่นให้ยกคำร้อง
อ่านรายละเอียด : https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20200421161705.pdf
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage