อีกรายแล้ว! กกต.ฟันอาญา ‘แฟนคลับ’ พรรคเพื่อไทย เก็บบัตร ปชช. 31 ใบ สัญญาว่าจะเลี้ยงอาหาร-จ่ายหัวละ 400 บ. จูงใจให้เลือกตั้ง ด้าน ‘จิรวุฒิ สิงห์โตทอง’ ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี รอด เหตุไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่ารู้เห็นเป็นใจ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยที่ 241/2562 กรณีการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตที่ 4 จ.ชลบุรี โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย และนายศุภรัตน์ ฉัตรทอง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 จ.ชลบุรี ถูกกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) และ (4) กรณีนายศุภรัตน์ จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และจัดเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายจิรวุฒิ
กกต. พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ลานวัฒนธรรม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ต่อมาเวลา 17.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้ควบคุมตัวนายศุภรัตน์ เนื่องจากพบว่ามีพฤติการณ์รวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก
โดยนายศุภรัตน์ ให้ถ้อยคำว่า ตนได้ชักชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาฟังการปราศรัยของนายจิรวุฒิ และเก็บบัตรประชาชนไว้จำนวน 31 ใบ โดยสัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารจริง แต่เป็นการโหกเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาฟังปราศรัย และไม่เคยสัญญาว่าจะให้เงินแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีจากการไต่สวนผู้มาฟังการปราศรัย ให้ถ้อยคำว่า นายศุภรัตน์ เก็บบัตรประชาชนไว้จริง โดยสัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารหลังเสร็จสิ้นการปราศรัย และจะให้เงินจำนวนคนละ 400 บาท เป็นการตอบแทน
พยานหลักฐานจึงรับฟังได้ว่า นายศุภรัตน์ กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา แต่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่านายจิรวุฒิ เป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจกับนายศุภรัตน์ การกระทำดังกล่าวนายศุภรัตน์ กระทำไปเพราะความชื่นชอบนายจิรวุฒิเป็นการส่วนตัว อีกทั้งเมื่อทีมงานของนายจิรวุฒิ พบเห็นการเก็บบัตรประชาชนบริเวณหน้าเวทีปราศรัยหาเสียง ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวนายศุภรัตน์
ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านายจิรวุฒิ กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง ส่วนนายศุภรัตน์ ให้ดำเนินคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) และ (4) ประกอบมาตรา 158 และมาตรา 159 ต่อไป
สำหรับมาตรา 158 ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 73 (1) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ส่วนมาตรา 159 ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 73 (4) ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/