มติสภาผู้แทนราษฎร 242 ต่อ 215 เสียง คว่ำญัตติเสนอตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทางป้องรัฐประหารฯ ‘ปิยบุตร’ ชี้ครั้งล่าสุดต้นเหตุเกิดวิกฤติการเมือง ทำลายความชอบธรรมจากการตรวจสอบอำนาจรัฐ ระบุถ้า ส.ส. พร้อมต้าน นายทุนไม่เป็นท่อน้ำเลี้ยง รัฐประหารไม่มีทางสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาญัตติของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และคณะ เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต
โดยเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 242 เสียง ไม่เห็นชอบให้มีการตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทางป้องกันรัฐประหารฯ ดังกล่าว โดยมีผู้เห็นชอบจำนวน 215 เสียง งดออกเสียง 2 ราย จากจำนวนผู้เข้าประชุม 459 ราย
สำหรับรายชื่อผู้โหวตไม่เห็นชอบที่น่าสนใจ เช่น 5 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล นายภาสกร เงินเจริญกุล นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ และนางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ซึ่งเพิ่งแยกตัวออกจากพรรคฝ่ายค้าน ขณะที่นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.พรรคประชาชาติ เป็นเพียงฝ่ายค้านรายเดียวที่โหวตไม่เห็นชอบ ขณะที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ยังอยู่กับฝ่ายค้าน โหวตเห็นชอบ
ทั้งนี้ก่อนที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติ นายปิยบุตร กล่าวสรุปในฐานะผู้เสนอญัตติว่า ขอบคุณสมาชิกที่ร่วมอภิปรายญัตตินี้ 47 ท่าน ซึ่งการรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุดเป็นต้นเหตุของการเกิดวิกฤติการการเมือง ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาการเมือง แต่กลับใช้การรัฐประหาร เกิดการแตกขั้วทำลาย ความชอบธรรมจากการเลือกตั้งและความชอบธรรมจากการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้นรัฐประหารปี 2549 และซ่อมอีกครั้งในปี 2557 แสดงให้เห็นว่าไม่สามารถสร้างหลักการเสรีประชาธิปไตยและสร้างความศรัทธาของประชาชนต่อระบบต่างๆ มาได้
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า รัฐประหารเกิดไม่ได้หากนายทหารระดับปฏิบัติการ ข้าราชการ ไม่ยินยอม และโต้แย้ง นิติกรไม่ช่วยเขียนกฎหมายป้องกันคณะรัฐประหารหลังรัฐประหาร ศาลตัดสินลงโทษ และ ส.ส. พร้อมใจกันต่อต้านรัฐประหาร นักธุรกิจและนายทุนไม่เป็นท่อน้ำเลี้ยง สื่อมวลชนพร้อมใจนำเสนอข่าวต่อต้านรัฐประหาร ไม่เรียก ‘บิ๊ก’ ไม่เรียก ‘ลุง’ ถ้าคนไทยมีสำนึกในประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐประหาร รัฐประหารไม่มีทางสำเร็จ
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านสามารถสร้างฉันทามติร่วมกันได้ จนเกิดเป็นคณะกรรมาธิการมาหลายชุด ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นี้ เป็นการประกาศศักดิ์ศรีของผู้แทนราษฎรว่าจะไม่ยอมจำนนต่อคณะรัฐประหาร และไม่ใช่ผู้แทนของคณะรัฐประหาร อีกทั้งญัตตินี้ไม่มีผลต่อความมั่นคงของรัฐบาล ไม่กระทบการทำงานของรัฐบาลที่ยังบริหารงานต่อไปได้ แต่แค่อาจจะกระทบกับความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางคนที่ได้ตำแหน่งเพราะยึดอำนาจเขามา แต่ถ้า ส.ส. ไม่ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการฯ เพราะเกรงใจ ตนก็มีคำถามว่าตกลงแล้วเราเป็นผู้แทนของราษฎร หรือเป็นลูกน้องของนายพล
"เพราะถ้าไม่ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการ มันแสดงให้เห็นว่าเงาของรัฐประหารยังเวียนอยู่รอบรัฐสภา แต่ที่ประชุมตัดสินใจตั้งคณะกรรมาธิการฯ ก็แสดงให้เห็นว่า ส.ส. พร้อมใจกันร่วมมือไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นมาอีก รัฐประหารที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จากโศกนาฏกรรม เริ่มกลายเป็นเรื่องตลก และกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด อย่างไรก็ตามชะตากรรมของผมตอนนี้อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าวันนี้อาจจะเป็นการทำงานครั้งสุดท้ายของผมก็ได้ จึงหวังว่าทุกคนจะร่วมกันยกมือโหวตรับญัตตินี้ พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่า นี่ไม่ใช่วาระของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่วาระของฝ่ายค้าน หรือวาระของรัฐบาล แต่เป็นวาระของชาติที่สภาต้องร่วมมือกัน ขอให้ทุกคนร่วมกันยกมือเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน" นายปิยบุตร กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/