‘บิ๊กตู่’ แพร่สารอำลาตำแหน่งหัวหน้า คสช. ยันแถลงนโยบายรัฐสภาเสร็จใน ก.ค. ส่วน คสช.-ครม.เก่าพ้นเก้าอี้ 16 ก.ค. 62 หลัง ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ยันไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยฯ รบ.ได้รับความเห็นชอบจากสภา เสรีภาพได้รับการคุ้มกันตาม รธน. ไร้อำนาจพิเศษ แม้การปกครองแบบนี้จะช้าบ้าง-มีความเห็นต่าง แต่ขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้น กฎหมาย-โครงการใดไม่พึงปรารถนาสามารถเพิกถอนได้
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT กรณีต้องพ้นตำแหน่งหัวหน้า คสช. เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ตอนหนึ่งระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 อันนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ บัดนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้คณะรัฐมนตรีคณะใหม่ซึ่งจะเป็นคณะแรกภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในวันที่ 16 กรกฎาคม 2562
“แม้จะเป็นการเริ่มการปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินหรือดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามหน้าที่และอำนาจได้เต็มที่จนกว่าจะได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งคาดว่าทุกขั้นตอนจะสำเร็จเรียบร้อยลงได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงการสิ้นสุดของ คสช. ว่า ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เมื่อคณะรัฐมนตรีคณะใหม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและรับหน้าที่แล้ว คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนหน้านั้น และคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ลง ดังนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีคณะเดิมจะสิ้นสุดภารกิจและการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 16 ก.ค. 2562
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุด้วยว่า บัดนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่ขั้นตอนของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์ มีสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากความเห็นชอบของรัฐสภา สิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ได้รับหลักประกันคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญตามแบบอย่างนานาอารยประเทศ ปัญหาทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขตามกฎเกณฑ์ปกติในระบอบประชาธิปไตยโดยไม่มีอำนาจพิเศษใดๆ อีกต่อไป แม้การปกครองเช่นนี้อาจล่าช้าไม่ทันต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนบางกลุ่มบ้าง อาจติดขัดที่ขั้นตอนข้อจำกัดทางกฎหมาย การเมือง และงบประมาณบ้าง ต้องรับฟังความคิดเห็นโต้แย้งที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็เป็นไปตามครรลองของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยซึ่งทุกคนทุกฝ่ายต้องเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อดทน อดกลั้น ไม่ขัดแย้งรุนแรง มีเหตุผล มีวินัย เคารพเสียงข้างมาก ยึดมั่นในธรรมาภิบาลและหลักนิติธรรมโดยคำนึงถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตของไทย
“ผมได้เคยกราบเรียนพี่น้องทั้งหลายแล้วว่าการปกครองของประเทศเราจะอยู่ได้ก็ด้วยสามเสาหลักทำงานประสานกัน คือ ภาคการเมือง ภาคข้าราชการ และภาคประชาชนซึ่งต้องร่วมมือร่วมใจกัน สิ่งที่ คสช. รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ดำเนินการสอดประสานกันในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้นหลายเรื่องน่าจะเป็นรากฐานให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ของประชาชนชาวไทยทุกคน ที่ไม่มีการแบ่งแยกภาคหรือจังหวัดหรือแบ่งพื้นที่ตามฐานเสียงพรรคการเมืองใด ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า ทั้งนี้ต้องสามารถทำงานต่อไปได้อย่างมั่นคงเพื่อสร้างความมั่งคั่ง และความยั่งยืนวัฒนาสถาพร แต่หากเรื่องใด โครงการใด กฎหมายใดไม่เป็นที่พึงปรารถนาหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิกเพิกถอนได้อยู่แล้ว สิ่งใดที่เกิดขึ้นหรือหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามา วันหนึ่งย่อมจากไปหรือผ่านพ้นไปได้เป็นธรรมดา แต่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา เป็นที่เกิด ที่อยู่อาศัยของลูกหลานเราจะต้องอยู่ต่อไป ทุกคนมีหน้าที่ต้องสนองพระบรมราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในอันที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด และปกป้องรักษาแผ่นดินไทยนี้เพื่อประโยชน์สุขแก่เราทั้งหลายร่วมกัน ด้วยความรักความสามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปัน มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนอันเป็นที่รักยิ่งตลอดไป
“ขอทุกท่านได้รับความขอบพระคุณและความปรารถนาดีอย่างจริงใจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของรัฐให้ความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ ฝ่ายนิติบัญญัติใหม่ ในอันที่จะรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบไทยให้คงไว้ รวมทั้งสร้างความรัก ความสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ จิตอาสา เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติสืบไป” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 ก.ค. 2562 เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี จะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยตามรัฐธรรมนูญปี 2560 บทเฉพาะกาล มาตรา 265 เมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว คสช. จะสิ้นสภาพลงทันที แต่คำสั่ง หรือประกาศใด ๆ ยังคงมีผลต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/