‘ทศพล เพ็งส้ม’ ผู้รับผิดชอบสู้คดี ส.ส.พปชร. ถูกร้องศาล รธน.วินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ เข้ามาตรวจสำนวน ลั่นโจทย์ใหญ่ต้องหาเหตุผลให้ศาลไม่สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ชี้เมื่อถึงขั้นนี้ต้องวางมาตรฐานให้ชัด สัปดาห์หน้าจ่อยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราว
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2562 เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาตรวจสำนวน ในฐานะผู้รับผิดชอบรวบรวมเอกสารหลักฐานต่อสู้คดี กรณี 27 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจาก 42 ส.ส. ถูกยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีถือครองหุ้นสื่อ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่
นายทศพล กล่าวว่า มาตรวจสำนวนเพื่อได้รู้ว่าสภาส่งเอกสารอะไรมาบ้าง ได้วางแผนการต่อสู้คดีถูก ก่อนหน้านี้มีการแบ่งกลุ่มคดี เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง กลุ่มกลาง ๆ และกลุ่มที่มีความคาบเกี่ยวกัน เพราะวิธีการต่อสู้แต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ถึงวิธีการต่อสู้คดีกรณีของ ส.ส.พรรคดังกล่าวถูกยื่นร้องรวมด้วย รวมถึงจะตรวจสอบ ส.ส. ของฝ่ายค้าน 7 พรรค กรณีถือหุ้นสื่อด้วย โดยจะมีอีกทีมงานเป็นผู้ดำเนินการ
นายทศพล กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่คือเมื่อศาลรับคำร้องแล้ว จะสั่งให้ ส.ส.ที่ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่คณะทำงานต้องหาเหตุผลว่า กรณีของ ส.ส. 27 รายพรรคพลังประชารัฐ ไม่เหมือนกรณีอื่น จึงไม่ควรที่ศาลสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้จะมีการนำข้อเท็จจริงกรณีศาลฎีกาพิพากษาตัดสิทธินายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.สกลนคร และนายคมสัน ศรีวนิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ จ.อ่างทอง ที่มีความแตกต่างกัน เพื่อพิจารณาดูว่าข้อเท็จจริงในคดีมีประเด็นใดบ้างที่ศาลฎีการับฟัง และไม่รับฟัง
นายทศพล กล่าวว่า เรื่องของการจดทะเบียนวัตถุประสงค์บริษัท หลายคนมีการต่อสู้ว่าใช้แบบฟอร์มสำเร็จรูปของกระทรวงพาณิชย์ ถ้าเป็นแบบฟอร์มกระทรวงพาณิชย์จริง ควรเป็นแบบพิมพ์มาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่แบบฟอร์มข้อที่ระบุว่าทำสื่อกลับอยู่ในลำดับที่แตกต่างกัน รายละเอียดแบบนี้ยากมากในการต่อสู้ เพราะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐบางรายมีถึง 3-4 บริษัท ข้อเท็จจริงที่ต้องมีการตรวจสอบจากเอกสารราชการ โดยได้แจ้งให้ ส.ส.แต่ละคนทำรายละเอียดมาแล้ว แต่บางคนไม่เข้าใจ อ้างว่ากรอกไปตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ในความเป็นจริงอยู่ที่ตัวเราว่าจะจดทะเบียนอย่างไร บางคนเลือกจดไปก่อนทำหรือไม่ทำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้เกิดปัญหา ศาลฎีกามองว่า เมื่อคุณจดทะเบียนวัตถุประสงค์อย่างไร เท่ากับมีวัตถุประสงค์จะทำสื่อ ทำให้ขัดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งกรณีนี้มีการยื่นผ่านประธานสภาทำหนังสือส่งต่อมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีรายละเอียดของพยานหลักฐาน ไม่เหมือนกับคดีที่ร้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ กกต. มีการตรวจสอบแล้วว่า โอนหุ้นวันไหน โอนหุ้นเมื่อไหร่ จ่ายเงินเมื่อไหร่
“ดังนั้นเมื่อคดีมาถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลจะต้องวางมาตรฐานว่า ระหว่างวัตถุประสงค์ที่ระบุในเอกสารราชการ กับสิ่งที่ไม่ได้ประกอบการจริง อะไรฟังได้ไม่ได้ และคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า จะยื่นคำร้องพร้อมเหตุผลเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของ 27 ส.ส. เพราะถ้าหากศาลสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่จะได้รับผลกระทบกับการทำงาน ไม่ใช่แค่กระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เท่านั้น แต่ยังกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลยังไม่มีการแถลงนโยบายในสภา” นายทศพล กล่าว
นายทศพล กล่าวด้วยว่า ตนมีหน้าที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ 27 ส.ส.ยังสามารถทำหน้าที่อยู่จนจบภารกิจ ไม่อยากให้สังคมเอาไปเปรียบเทียบกันกับกรณีสั่งให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง 2 มาตรฐาน เพราะการสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในหลายคดีไม่เหมือนกัน การที่ศาลสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาต่อการประชุมสภา แต่กรณีนี้จะเกิดปัญหาทางลบยิ่งกว่า คือรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงจะไปเทียบกับกรณีของนายธนาธรไม่ได้ เพราะคนละเรื่อง อย่าเอามารวมกัน กรณีหุ้นสื่อของ 42 ส.ส. ถูกพรรคอนาคตใหม่ยื่นต่อประธานสภาฯ อาจคล้ายกันคือถือหุ้นสื่อ แต่ข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
12 พรรค 75 ส.ส.โดนร้องถือหุ้น บ.จดทะเบียน'ครอบจักรวาล'รวม'สื่อ'-ลุ้นศาล รธน.ชี้ขาด?
ครบทุกชื่อ! 6 พรรค 42 ส.ส. ถูกร้องปมถือครองหุ้นสื่อ-‘ชวน’ชงศาล รธน.วินิจฉัย