ไม่รับฎีกา-คดีถึงที่สุดแล้ว! ศาลคดีทุจริตฯสั่งคุก 19 ปี 4 เดือน อดีตคลัง จ.นราธิวาส ถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก 3 องค์กร 6.7 แสนโดยมิชอบ-ปลอมเอกสารราชการ โดนควบคุมตัวอยู่ในทัณฑสถานหญิง จ.สงขลา ตั้งแต่ปี’61
จากกรณีศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น สั่งจำคุก น.ส.กชพร คนึงนิด หรือกชกร ถนอมนิ่ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งคลังจังหวัดนราธิวาส 26 ปี แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 4 คงเหลือจำคุก 19 ปี 6 เดือน กรณีเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากขององค์กรต่าง ๆ ที่เปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส และอยู่ในความดูแล จัดการ หรือรักษาของสำนักงานคลังจังหวัดนราธิวาสไปโดยมิชอบ จำนวน 3 บัญชี ประกอบด้วยบัญชีห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี บัญชีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และบัญชีชาวไทยมุสลิมจังหวัดนราธิวาส รวมเป็นเงิน 678,039 บาท และปลอมเอกสารอันเป็นเอกสารราชการแล้วนำไปยื่นต่อคณะกรรมการสอบสวน อันเป็นการใช้เอกสารราชการปลอม ต่อมา น.ส.กชพร หรือกชกร ได้ยื่นฎีกานั้น (อ่านประกอบ : อุทธรณ์ยืนคุก 19 ปี 6 ด.! อดีตคลังนราธิวาส ปลอมเอกสารราชการ-เบิกเงิน 6.7 แสนมิชอบ)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตภาคและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกา ยกคำร้องฎีกาของ น.ส.กชพร หรือกชกร เนื่องจากเป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 ทำให้คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ น.ส.กชพร หรือกชกร ถูกควบคุมตัวอยู่ในทัณฑสถานหญิง จ.สงขลา ตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อปี 2561 และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 ระบุว่า ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี หรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับแต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปีห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินห้าปี ไม่ว่าจะมีโทษอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีนี้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาว่า น.ส.กชพร หรือกชกร กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 165 และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 และผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 การกระทำของ น.ส.กชพร หรือกชกร เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 กับความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 25 ปี ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม
นอกจากนี้ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก แต่กระทงเดียว อันเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 165 จึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 26 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 19 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต่อมาศาลฎีกาไม่รับฎีกา ทำให้คดีถึงที่สุด (อ่านประกอบ : คุก19ปีอดีตคลัง จ.นราธิวาส ปลอมเอกสารราชการ-เบิกเงินมิชอบ6.7แสน)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/