
''ศูนย์ทุ่นระเบิดกัมพูชา" งัดรูปภาพสู้ อ้าง F-16 ไทยทิ้งระเบิด MK-82 ผลิตปี 66 ใส่วัดทามอนเซย ยืนยันไม่มีของแบบนี้ใช้ช่วงสงครามปี 16 ขณะเกาหลีเหนือแสดงจุดยืนหนุนสันติภาพ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชาหลังการมีข้อตกลงหยุดยิงวันที่ 28 ก.ค.ว่าเมื่อวันที่ 2 ส.ค.มีรายงานจากทางฝั่งกัมพูชา โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเจดีย์พุทธในจังหวัดอุดรมีชัยถูกกองทัพอากาศไทยทิ้งระเบิดโดยใช้เครื่องบินรบ F-16 และระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดนำวิถี MK-82
การยืนยันดังกล่าวมีขึ้นภายหลังภารกิจตอบสนองฉุกเฉินเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่วัดทามอนเซนเชย ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านทาฮัม ตำบลโคกมอน เขตบันทายอัมปิล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการโจมตีข้ามพรมแดนเมื่อเร็วๆ นี้
ทีมผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ตอบสนองต่อการติดต่อมาโดยฉุกเฉินเพื่อเข้าไปจัดการความปลอดภัยในการเข้าไปในบริเวณวัด
“จากการตรวจสอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดของ CMAC ยืนยันได้ว่าเจดีย์แห่งนี้ถูกกองทัพอากาศไทยใช้เครื่องบิน F-16 และ MK-82 ทิ้งระเบิดพร้อมกับระเบิด GBU-12 Payway II” นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการใหญ่ของ CMAC เขียนไว้ในโพสต์บนหน้า Facebook อย่างเป็นทางการของเขา
เขากล่าวเสริมว่า การยืนยันดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากหลักฐานทางกายภาพที่เก็บรวบรวมจากที่เกิดเหตุ ซึ่งรวมถึงเศษระเบิดที่มีหมายเลขซีเรียลที่สามารถระบุได้
“จากหลักฐานชิ้นเอกของระเบิด MK-82 สองลูก หมายเลขประจำเครื่อง 22002788 และ 22002794 ผลิตเดือนมกราคม 2566 ผมหวังว่าด้วยหลักฐานที่หนักแน่นที่สุดนี้ จะไม่มีข่าวปลอมจากฝ่ายตรงข้ามมาใส่ร้ายป้ายสีและทำลายชื่อเสียงชาวเขมร! สำหรับระเบิดที่ผลิตในเดือนมกราคม 2566 ผมมั่นใจ 100% ว่าไม่มีใครทิ้งระเบิดเหล่านี้ในช่วงสงครามปี 2513-2516” เขากล่าว




ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ มีรายงานจากเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ระบุถึงความหวังว่าจะมี "สันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืน" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหลังจากที่ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในสัปดาห์นี้เพื่อยุติการปะทะกันที่มีผู้เสียชีวิตหลายวันตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวถ้อยคำดังกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกลางเกาหลีอย่างเป็นทางการ หลังจากการหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนของวันจันทร์ “เราหวังว่าประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะบรรลุสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาคด้วยการแก้ไขความขัดแย้ง เพิ่มความเชื่อมั่นทางการเมือง และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี”

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา