
‘ครม.’ ไฟเขียว ‘แผนบริหารหนี้สาธารณะ’ ครั้งที่ 2 โยกงบก่อหนี้ฯสร้าง รถไฟความเร็วสูง‘กรุงเทพ-โคราช’-ทางคู่ 2 เส้น จ่ายค่าแพ้คดี ‘สายสีแดง’ 5.3 พันล้าน
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ครม.มีมติรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 2 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะฯดังกล่าว เป็นการปรับแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล โดยปรับเพิ่มลดวงเงินโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล (หนี้ในประเทศ) รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแผนภายใต้วงเงินเดิม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
-การขอปรับเพิ่มวงเงินโครงการ วงเงินรวม 6,500 ล้านบาท ได้แก่
1.โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงบางซื่อ-รังสิต (โครงการฯ ช่วงบางซื่อ - รังสิต) วงเงินเพิ่มขึ้น 5,400 ล้านบาท เพื่อสอดคล้องกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2568 ที่อนุมัติในหลักการในการปรับเพิ่มกรอบวงเงินของโครงการฯ ช่วงบางซื่อ-รังสิต เพิ่มเติม โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาจัดหาเงินกู้ในประเทศเพื่อให้ รฟท. กู้ต่อ ภายใต้กรอบวงเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น วงเงินรวม 5,502.49 ล้านบาท
เพื่อจ่ายค่างานจ้างที่ปรึกษาและค่างานของสัญญาที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการให้ รฟท. ชำระค่าใช้จ่ายตามข้อเรียกร้องให้แก่ผู้รับจ้างไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ วงเงิน 5,329.01 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นค่างานที่มีข้อยุติหรือความชัดเจนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ประกอบด้วย
-ค่างานที่เกิดจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงงานเพิ่มเติม (Variation Order:VO) วงเงิน 4,495.59 ล้านบาท ได้แก่ ค่างานวงเงิน 4,204.29 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มวงเงิน 294.30 ล้านบาท
-ค่าใช้จ่ายจากการขยายระยะเวลาของสัญญาจ้าง (Prolongation Cost) วงเงิน 727.66 ล้านบาท ได้แก่ ค่างานวงเงิน 680.06 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มวงเงิน 47.60 ล้านบาท
-เงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K (Price Adjustment) วงเงิน 102.26 ล้านบาท ได้แก่ ค่างานวงเงิน 96.04 ล้านบาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่มวงเงิน 6.32 ล้านบาท
2.โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ มหาสารคามร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม วงเงินเพิ่มขึ้น 1,100 ล้านบาท เนื่องจาก รฟท. และผู้รับจ้างสามารถเร่งรัดการดำเนินงานได้เกินแผนการดำเนินงาน
-การขอปรับลดวงเงินโครงการ วงเงินรวม 6,500 ล้านบาท ได้แก่
1.โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) วงเงินลดลง 4,000 ล้านบาท
2.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงินลดลง 1,500 ล้านบาท
3.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร วงเงินลดลง 1,000 ล้านบาท
โดยทั้ง 3 โครงการข้างต้นมีผลการดำเนินงานของผู้รับจ้างล่าช้ากว่าแผน การดำเนินงาน มีปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าจากการเวนคืน รวมถึงการปรับรูปแบบการก่อสร้าง

รายงานข่าวแจ้งว่า การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 2 ยังคงกรอบวงเงินต่างๆไว้เท่าเดิม โดยแผนการก่อหนี้ใหม่ มีวงเงินคงเดิมที่ 1,221,322.24 ล้านบาท , แผนการบริหารหนี้เดิม มีวงเงินคงเดิมที่ 1,740,552.96 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ มีวงเงินคงเดิมที่ 489,380.65 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 ลงวันที่ 21 พ.ย.2565 ให้ รฟท. ชำระเงินให้กิจการร่วมค้าเอส ยู (ประกอบด้วย บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)) กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VO) สัญญาที่ 1 (งานโยธา สำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) จำนวน 4,204,286,694.83 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,654,882.90 บาท และให้รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
สำหรับคดีนี้ รฟท. ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด ทำให้คดีถึงที่สุด
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2568 ว่า ข้อพิพาทโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ค่าก่อสร้างสัญญา 1 งานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order) ซึ่งอนุญาโตตุลาการชี้ขาดและศาลปกครองมีคำพิพากษาแล้ว และคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) มีมติเห็นชอบในการปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมสำหรับโครงการรถไฟสายสีแดง เพื่อจ่ายค่างานสัญญาที่ 1 จำนวน 4,204,286,694.83 บาท ตามคำสั่งศาล นั้น
ปัจจุบันคดีถึงที่สุด บอร์ด รฟท. ได้พิจารณาเสนอมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อตรวจสอบและเตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณา ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาจัดหาแหล่งเงินให้ ขณะเดียวกัน จะต้องมีการเจรจากับเอกชนด้วย

อ่านประกอบ :
‘สุริยะ’ ชงครม.ขอ 4,204 ล. จ่ายค่างานสายสีแดง หลังแพ้คดีพิพาทในศาล
‘บอร์ดรฟท.’อนุมัติเพิ่มงบสายสีแดงอีก 8,700 ล. เผยเอาไปชดเชยค่าโง่ 7.4 พันล.
‘คมนาคม' หวั่นภาระดอกเบี้ย VO สายสีแดง ตรวจสอบเนื้องานเพิ่ม ก่อนพิจารณาปรับกรอบวงเงิน
‘คณะอนุญาโตฯ’สั่ง‘รฟท.’จ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาคุมงาน‘สายสีแดง’ให้‘บมจ.ทีมคอนซัลติ้งฯ’120 ล.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา