
บอร์ดรฟท.มีมติอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอีก 8,700 ล้านบาท ทำกรอบวงเงินของโครงการพุ่งทะลุ 100,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย เผยสัญญาที่ 1 ปรับเพิ่มมากที่สุด 7,407 ล้านบาทจากกรณีเอกชนยื่นฟ้องศาลปกครองเป็นข้อพิพาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) ครั้งที่ 7 / 2568 วันที่ 15 พ.ค. 2568 2568 ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางชื่อ-รังสิต และช่วงบางชื่อ-ตลิ่งชัน เพื่อจ่ายค่างานสัญญาที่ 1 ตามคำสั่งศาล และกรอบวงเงินค่าสัญญาที่ 2 และ 3 ที่เป็นค่างานที่เพิ่ม รวมจำนวนประมาณ 8,700 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทำให้กรอบวงเงินโครงการรวมเพิ่มจาก 96,868.332 ล้านบาท (มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.พ. 2565) เป็น 104,445 ล้านบาท
@ผ่ารายละเอียดวงเงินเพิ่ม
สำหรับรายละเอียดของการเพิ่มกรอบวงเงิน แหล่งข่าวจากรฟท.กล่าวว่า รายละเอียดกรอบวงเงินเพิ่มเติมรายสัญญา มีดังนี้ สัญญาที่ 1 งานโยธา สำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง ที่มีกิจการร่วมค้า เอส ยู (มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)) เป็นผู้รับจ้าง เป็นค่างานที่จ่ายตามคำสั่งศาลปกครอง กรณีเปลี่ยนแปลงงาน (VO) จำนวน 4,205 ล้านบาท กรณีรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เรียกร้องตามสัญญา ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ,ดอกเบี้ยผิดนัดชำระเงินประกันสัญญา ,ค่าใช้จ่ายการขยายเวลา ,เงินชดเชยค่าก่อสร้างในการปรับแบบ จะรวมเป็นวงเงิน 7,407 ล้านบาท (รวม VAT และดอกเบี้ยกรณีคิดอัตราแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ) เป็นมูลค่างานตามข้อพิพาททางสัญญา ภายหลังอนุญาโตตุลาการชี้ขาดและศาลปกครองมีคำพิพากษา ค่าก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ในงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) สัญญาที่ 1 โดยคดีถึงที่สุดแล้ว
สัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง มีบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ ( ITD) เป็นผู้รับจ้าง จำนวน 212.125 ล้านบาท เป็นการขอค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการขยายระยะเวลาก่อสร้างของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 โดยขอขยายวงเงินและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมที่เกินจากกรอบวงเงินที่มี
สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า มี กิจการร่วมค้า MHSC (ประกอบด้วยบริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) เป็นผู้รับจ้าง จำนวน 847.746 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากกรณีขยายระยะเวลาก่อสร้าง
นอกจากนี้มีค่าจ้างที่ปรึกษา 2 ส่วน คือ ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มเติมจำนวน 129.125 ล้านบาท (ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ รวมVAT และดอกเบี้ยแหล่งเงินภายในประเทศ)และค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการเพิ่มเติมจำนวน 106.764 ล้านบาท (รวม VAT และดอกเบี้ยแหล่งเงินภายในประเทศ)
แหล่งข่าวจากรฟท.ระบุว่า มติบอร์ดรฟท.ครั้งนี้ อนุมัติกรอบวงเงินตามที่พิจารณา จะเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม ภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีขั้นตอนการพิจารณาเพื่อเสนอครม.ต่อไป ทั้งนี้กรณีที่เป็นข้อพิพาทในสัญญาที่ 1 กระทรวงคมนาคมมีคณะทำงานและทีมด้านกฎหมายรวมกับคณะทำงานของรฟท.ที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯรฟท.แต่งตั้ง พิจารณาเรื่องนี้ เพื่อเร่งเสนอครม.ต่อไป เนื่องจากมีขั้นตอนและกรอบระยะเวลาที่ต้องทำตามคำสั่งศาลสั่งบังคับคดีภายใน 60 วัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 คณะทำงานด้านกฎหมายและรฟท.ได้มีการเจรจากับ กิจการร่วมค้า เอส ยู เป็นครั้งแรกหลังศาลมีคำตัดสิน “ในเรื่องรายการงานเพิ่มเติม จำนวน 194 รายการ ค่าดอกเบี้ย ค่าภาษี ตรงกันหรือไม่ พร้อมกับเจรจาต่อรองขอปรับลดดอกเบี้ยด้วย รวมไปถึงการผ่อนชำระซึ่งอยู่ระหว่างรอหนังสือตอบจากเอกชนเป็นทางการ
“รฟท.เป็นหน่วยงาน ดังนั้นต้องรอกระทรวงคมนาคมและครม.อนุมัติ เพื่อให้สามารถจัดหาแหล่งเงินและนำไปจ่ายค่างานให้เอกชนตามคำสั่งศาล ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าจะทันเวลา 60 วัน หรือไม่ทัน แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะเร่งดำเนินการเนื่องจากค่าดอกเบี้ยเกิดขึ้นทุกวัน แต่หากไม่ทันก็ขึ้นอยู่กับการเจรจากับเอกชนด้วย” แหล่งข่าวระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อพิพาท โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัญญาที่ 1 สิ้นสุด เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 หลังศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2565 ให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชำระเงินให้ กิจการร่วมค้าเอส ยู ที่มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VO) จำนวน 4,204,286,694.83 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,654,882.90 บาท และให้รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาด คณะอนุญาโตตุลาการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด (โดยศาลจะเริ่มบังคับคดีในวันที่ 11 พ.ค.. 2568 ครบกำหนด60 วัน ในวันที่ 9 ก.ค. 2568
@เพิ่มวงเงินมาแล้ว 8 ครั้ง จาก 5 .22 หมื่นล้านบาท ล่าสุดปี 65 อยู่ที่ 9.68 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโคครงการรถไฟสายสีแดง ช่วงบางชื่อ-รังสิต และช่วงบางชื่อ-ตลิ่งชัน มีการปรับกรอบวงเงินมาแล้ว 8 ครั้ง เนื่องจาก มีการปรับแบบทั้งเปลี่ยนจาก 3 ทางเป็น 4 ทาง ปรับแบบสถานีกลางบางซื่อ จากเริ่มต้นโครงการที่วงเงิน 52,220 ล้านบาท จนกรอบล่าสุดมติ ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 อยู่ที่ 96,868 ล้านบาท

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา