
พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. -ประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะ สว. แถลง บี้ แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซัด ไม่ให้เกียรติทหาร-กองทัพ พฤติกรรมส่อไม่รักชาติ -ล่ารายชื่อ สว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ-ป.ป.ช. ถอดถอน ข้อหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต-ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะ สว. แถลงกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ว่า ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง โดยยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงของตัวเองจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่สอง ว่า เป็นคนฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหารและกองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
“อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอม อ่อนข้อ อ่อนน้อมให้กับอริราชศัตรู ผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่นายฮุน เซน เรียกร้อง การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติกรรมของผู้นำรัฐบาลล้วนส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ”พล.อ.สวัสดิ์กล่าว
พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า จากพฤติกรรมดังกล่าว กมธ.การทหาร ฯ สว. พร้อม คณะ สว. มีความเห็นว่า การกระทำของน.ส.แพทองธารอาจเข้าข่ายความผิด ดังนี้ 1.รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 5 (2) ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ และ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ครม.ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า 2.ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคล ซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ หรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต
พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า 3.นอกจากการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าว ยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำแหน่งแม่ทัพภาคที่สอง ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุนเซน ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 (4) และ (5) ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กมธ.การทหารฯ สว. พร้อมด้วย สว. จึงไม่อาจปล่อย น.ส.แพทองธารที่เป็นบุคคลเดียวกันกับฝั่งกัมพูชา และเป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที และไม่สามารถปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ แม้แต่วินาทีเดียว”พล.อ.สวัสดิ์กล่าว
พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า จึงมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธารออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมทั้งจะมีการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า หลังการแถลงข่าวจะรวบรวมรายชื่อให้ได้รายชื่อ 1 ใน 3 หรือ จำนวน 67 คน เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา