‘สคร.’ ร่อนหนังสือถึง ‘ประธานบอร์ด กนอ.’ พิจารณากรณีสรรหา ‘ผู้ว่าฯ กนอ.’ คนใหม่ หลัง ‘พนักงาน’ ร้องเรียน ขณะที่ ‘โฆษกรัฐบาล’ เผยยังไม่มีการบรรจุวาระแต่งตั้ง ‘ผู้ว่าฯ กนอ.’ ให้ ‘ครม.’ เห็นชอบ
........................................
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บอร์ด กนอ.) ได้มีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกฯเพื่อเข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. คนใหม่ ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอ และให้ส่งรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกฯ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณา ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการ กนอ. ต่อไป นั้น
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้ทำหนังสือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ กค 0803.2/2015 เรื่อง ข้อร้องเรียนขอให้ยกเลิกการสรรหาผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 23 พ.ค.2568 ถึงประธานกรรมการ กนอ. เพื่อพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาให้ สคร.รับทราบด้วย
“ด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้รับข้อร้องเรียนเป็นหนังสือ จากพนักงานและลูกจ้างของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ขอให้ยกเลิกการสรรหาผู้ว่าการ กนอ. โดยหนังสือร้องเรียนแจ้งว่า ตามที่ กนอ. ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. จนกระทั่งปิดการรับสมัครเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2568 พบว่า การสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ครั้งนี้
กระบวนการสรรหาส่อไปในทางที่มิชอบ ไม่สุจริต และยุติธรรม ผิดหลักธรรมาภิบาลและการบริหาร จัดการบ้านเมืองที่ดีอย่างชัดเจน จึงขอให้เลื่อนการสรรหาออกไปจนกว่าความจริงจะปรากฏว่า กระบวนการสรรหาผู้ว่าการ กนอ. ครั้งนี้ สุจริตและยุติธรรม เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดีอย่างแท้จริง รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
สคร. พิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า ตามมาตรา 8 จัตวา แห่ง พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้การสรรหาผู้บริหารสูงสุด ของรัฐวิสาหกิจเป็นอำนาจของคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมจะเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
ประเด็นตามข้อร้องเรียน จึงเป็นกระบวนการภายในของรัฐวิสาหกิจ จึงขอส่งเรื่องให้ กนอ. พิจารณา ผลเป็นประการใดขอให้แจ้งให้ สคร. ทราบด้วย” หนังสือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ กค 0803.2/2015 เรื่อง ข้อร้องเรียนขอให้ยกเลิกการสรรหาผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 23 พ.ค.2568 ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากได้รับหนังสือจาก สคร.แล้ว นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานคณะกรรมการ กนอ. ได้แจ้งเรื่องนี้ ไปยังประธานคณะกรรมการสรรหาฯผู้ว่าการ กนอ. ว่า ขอให้ประธานคณะกรรมการสรรหาฯ พิจารณาเรื่องนี้ และจัดทำคำชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง พร้อมเอกสารประกอบ และนำเสนอให้ประธานคณะกรรมการ กนอ. เพื่อพิจารณา และลงนาม เพื่อส่ง สคร.ต่อไป
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการ กนอ. มีมติเห็นชอบให้ นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ อดีตกรรมการ กนอ. และอดีตรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ว่าการ กนอ. คนใหม่ ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอ
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการบรรจุวาระเรื่องการแต่งตั้ง ผู้ว่าการ กนอ. คนใหม่ ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มพนักงานและลูกจ้าง กนอ. ซึ่งใช้ชื่อกลุ่มว่า ‘พนักงานและลูกจ้าง กนอ. ที่รักความเป็นธรรม’ ยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง ขอให้ยกเลิกการสรรหาผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
โดยหนังสือฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาว่า “ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จนกระทั่งปิดการรับสมัครเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา พวกเรา พนักงานและลูกจ้าง กนอ. ที่ รักความเป็นธรรม พบว่า มีการปฏิบัติที่ถือว่าได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคน กนอ. อย่างร้ายแรง มีกระบวนการจัดตั้ง ฮั้วการสรรหา
จนกล่าวได้ว่า การสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยครั้งนี้ เป็นปาหี่ กระบวนการ สรรหาส่อไปในทางที่มิชอบ ไม่สุจริต และยุติธรรม ผิดหลักธรรมภิบาลและการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีอย่างชัดเจน
1.การกำหนดคุณสมบัติเฉพาะตามประกาศคณะกรรมการสรรหาฯ ข้อ 2.1.4 ว่า “ปฏิบัติงานหรือเคยปฏิบัติงานหรือทำหน้าที่เต็มเวลาในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นของรัฐ” เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สมัครรายใดรายหนึ่งหรือไม่
หากเปรียบเทียบกับการสรรหาผู้ว่าการ กนอ. ครั้งก่อนหน้า หรือการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจอื่น ก็ไม่พบว่า มีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะเช่นนี้ ทำให้
เกิดคําถามว่า มีเหตุผลความจําเป็นอย่างไรที่ต้องกำหนดคุณสมบัติให้แตกต่างจากการดำเนินการที่ผ่านมาหรือแม้แต่กับของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือนี่คือการล็อกสเปค ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะแบบ พิสดารเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเขียน TOR เฉพาะเจาะจงให้บริษัทได้งานแบบไร้คู่แข่ง
นอกจากนี้ การที่ไม่กำหนดประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่ง เฉกเช่นประกาศสรรหาผู้บริหารสูงสุดหน่วยงานของรัฐอื่นๆ มีเจตนาแอบแฝงอะไร หรือตั้งใจจะเอาคนที่หรือเคยปฏิบัติงานหรือทำหน้าที่เต็มเวลาในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของ ส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า หรือรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นของรัฐ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คุณสมบัติตามข้อนี้ มีประสบการณ์แค่วันเดียวก็สามารถสมัครได้แล้ว ประสบการณ์ไม่สำคัญ เอาแค่ตำแหน่งพอ
ต้องการคนแบบนี้อย่างไร หรือตั้งใจที่ไม่กําหนดเวลาในการดำรงตำแหน่ง เป็นเพราะว่ามีผู้สมัครรายใดรายหนึ่งมีเวลาไม่ครบตามเกณฑ์ เพราะเคยปฏิบัติงานหรือทำหน้าที่เต็มเวลาในตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของส่วนราชการระดับกรมหรือ เทียบเท่า หรือรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นของรัฐ เพียง 6-7 เดือนนั้น
2.มีการรวมหัว สมคบคิดกันให้มีจำนวนผู้สมัครมากพอ จะได้ไม่ต้องเลื่อนการประกาศรับสมัครออกไป สมยอมกัน หา “คู่เทียบ” ที่ไม่โดดเด่น เพราะในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด 5 คน มี 2 คน แม้มาจากหน่วยงานอื่น หากไปสอบประวัติการทำงานดู แต่จะพบว่าเป็นคนคุ้นเคย เคยทำงานด้วยกันกับผู้สมัครรายหนึ่งในหน่วยงานนี้ตั้งแต่ก่อนมาอยู่ กนอ. คงถูกบอกให้ช่วยมาลงสมัครแข่งแบบลวงๆ
ในขณะที่มีผู้สมัครคนหนึ่งเป็นระดับรองผู้ว่าการ กนอ. เป็นที่รู้กันว่า เจ้าตัว ไม่อยากลงสมัครเลย ไม่เคยแม้จะคิดว่าจะลงสมัคร แต่ถูกขอร้องแกมบังคับให้มาลง การบังคับให้รองผู้บริหารสูงสุด ทำงานให้ กนอ. มาหลายสิบปี ต้องลดศักดิ์ศรีมาเป็นคู่เทียบให้กับคนที่แค่เคยปฏิบัติงานเต็มเวลาให้ กนอ. ไม่กี่เดือน มันทำร้ายจิตใจและเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคน กนอ. มากเกินไป
3.กระบวนการสรรหาเร่งรีบผิดปกติ ตามแนวทางการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลังจากผู้ว่าการ กนอ. คนเก่าลาออกไปเมื่อ 6-7 เดือน แล้วมาเร่งรีบ กระบวนการสรรหาให้เสร็จภายใน 2 เดือน ตามที่ผู้สมัครรายหนึ่งประกาศที่จะกลับมาภายใน 2 เดือน ถึงขั้นไม่เก็บข้าวเก็บของออกจากห้องทำงานเดิม ล็อกห้อง ไม่ออกจากกลุ่มไลน์พนักงาน กนอ.และการกําหนดการประชุมบอร์ด กนอ. วาระพิเศษเพื่อประชุมเรื่องการสรรหาเพียงวาระเดียวให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม
คําถามคือทําไมต้องเร่งรีบเช่นนี้ ทั้งๆ ที่การสรรหาต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ตามกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้คนมาดำรงตำแหน่งสำคัญเช่นผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การเร่งรีบเช่นนี้ เพราะเลือกคนได้แล้วใช่ไหม กระบวนการสรรหา จึงเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ทำให้เสร็จๆ เพราะล็อกสเปค ฮั้วการสรรหา จึงทำให้การสรรหาครั้งนี้ ขัดต่อหลักธรรมภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอย่างชัดเจนที่สุด
กระบวนการสรรหาที่ไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาค จะไม่สามารถได้คนดี มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือได้มาเพราะเป็นคนของใคร ช่วงที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่มีผลงาน เป็นไม่ที่รักของพนักงานและลูกจ้าง สร้างความแตกแยก เลือกปฏิบัติ หาผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องจนเป็นที่ โจษจันไปทั่ววงการ โดยไม่สนใจใคร ตามที่ประกาศให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นคนของใคร
ดังนั้น พวกเรา พนักงานและ ลูกจ้าง กนอ. ที่รักความเป็นธรรม จึงขอเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมให้คน กนอ. พวกเราอยากได้คนดี คนเก่ง มาจาก กระบวนการสรรหาที่โปร่งใส ยุติธรรม เสมอภาค ไม่ใช่ล็อกสเปค ฮั้วการสรรหา และเร่งรีบจากกล่าวได้ว่า ผิด หลักธรรมภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ซึ่งเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในการบริหารประเทศ ที่ทุกหน่วยงานของรัฐต้องยึดมั่นในจริยธรรมและยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรม
อย่าให้ กนอ. เสียหายไปมากกว่านี้ 6-7 เดือนที่ผ่านมาก็มากเกินพอ หยุดการกระทำที่ชั่วร้าย การปฏิบัติ โดยมิชอบ เลื่อนการสรรหาออกไปจนกว่าความจริงจะปรากฏว่า กระบวนการสรรหาผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยครั้งนี้ สุจริตและยุติธรรม เป็นไปตามหลักธรรมภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอย่างแท้จริง หากท่านเพิกเฉย อาจทําให้ท่านต้องโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
พวกเราจะไม่ยอมอีกต่อไป”