
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือคำวินิจฉัย-ข้อเสนอแนะ 14 ข้อ ถึง นายกรัฐมนตรี-คณะรัฐมนตรี ประธานสภา-วุฒิสภา และสภาทนายความ แก้ปัญหาถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าว ชง แก้กฎหมายเก่า เพิ่มโทษจำคุก-ปรับ ริบที่ดินตกเป็นของแผ่นดิน ออกกฎหมายใหม่ ตั้งคกก.ควบคุมการทำธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพราง ตรวจสอบธุรกรรม-ทรัพย์สินนอมินี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณารายงานคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าว รวมถึงด้านการเกษตรและการอยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวน โดยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ระยอง ตราด และจันทบุรี
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ให้บูรณาการการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว ทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
นอกจากนี้ผู้ตรวจการผ่านดินยังเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายที่ดิน รวมถึง การเสนอให้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการทำธุรกรรมอำพรางแทนคนต่างด้าว ตลอดจนการจัดทำกฎหมายเฉพาะในระดับ พ.ร.บ.
โดยมีรายละเอียดของข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน มีทั้งหมด 14 ข้อ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
@ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ‘เจ้าภาพหลัก’
1.ระยะเร่งด่วนจึงขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกัน ปราบปราม และตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นไปพลางก่อน
2.ขอให้กรมที่ดินกำชับและแจ้งเวียนแนวทางปฏิบัติตามคู่มือแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักรู้ ไม่ให้ความร่วมมือเป็นผู้ถือครองที่ดินแก่คนต่างด้าว หรือหากพบเห็นให้แจ้งหน่วยงานรัฐ
3.ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายเป็นนอมินี และส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
4.ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมที่ดิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว ทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
5.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เฝ้าระวัง ติดตาม บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องต่อไป
6.ขอให้กรมป่าไม้กำหนดมาตรการหรือหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบนอมินีสำหรับผู้ยื่นขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
7.เสนอแนะให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการทุกจังหวัดใช้มาตรการเชิงรุก และตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว
8.เสนอแนะให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ ขอให้สั่งเกษตรกรจังหวัดใช้มาตรการเชิงบริหารเชิงรุก ป้องกันและปราบปราม เฝ้าระวังเขตที่ดิน ติดตามกลุ่มทุนที่เข้าข่ายใช้เกษตรกรไทยเป็นนอมินีเข้ามาประกอบธุรกิจด้านการเกษตรและที่เกี่ยวเนื่อง
9.ขอให้ กอ.รมน. ภาค 4 ดำเนินการ ‘ปฏิบัติการพิทักษ์สมุย’ หรือ ‘สมุยโมเดล’ ปราบปรามผู้กระทำความผิดขั้นเด็นขาด เพื่อทวงคืนที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติกลับมาเป็นของรัฐและขยายผลการปฏิบัติไปยังจังหวัดต่าง ๆ และขอให้ กอ.รมน.สนับสนุนการทำงาน รวมถึงสั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 1-3 ขับเคลื่อนตามแนวทางของ กอ.รมน.ภาค 4
10.สภาทนายความให้มีการกำหนดจริยธรรมสำหรับทนายความ ไม่ให้ร่วมมือกับคนไทยและคนต่างด้าว หรือนิติบุคคลต่างด้าวในการให้คำแนะนำหรือให้คำปรึกษา หรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการกระทำที่เป็นลักษณะนอมินี หากฝ่าฝืนขอให้พิจารณาเป็นความผิดร้ายแรง
@ ชง แก้พ.ร.บ.ธุรกิจต่างด้าว-ประมวลกม.ที่ดิน
11.กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับปรุงพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
12.กรมที่ดินปรับปรุงประมวลกฎหมายที่ดิน ได้แก่ 1.การเพิ่มโทษจำคุกและโทษปรับแก่คนต่างด้าวที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2.กรณีคนต่างด้าวที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมควรจะได้รับเงินคืนจากการจำหน่ายที่ดินและริบที่ดินตกเป็นของแผ่นดิน
13.นายกรัฐมนตรี ควรอาศัยอำนาจพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11 (8) ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการทำธุรกรรมอำพรางแทนคนต่างด้าว อย่างน้อยควรมีสาระสำคัญครอบคลุมเรื่องดังนี้
- แต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมการทำธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพรางระดับชาติและระดับจังหวัด โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน มีคณะกรรมการระดับจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธาน
- กำหนดให้มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบ และให้หน้าที่และอำนาจแก่หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบนิติธรรมสัญญาหรือการดำเนินการใดที่มีลักษณะเป็นตัวแทนอำพราง หรือธุรกรรมอำพรางและยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมสัญญาก่อนที่จะมีกฎหมายบังคับใช้
- กำหนดนิยามคำว่า ‘ตัวแทนอำพราง’ และ ‘ธุรกรรมอำพราง’ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับบุคคลและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำนิติกรรมสัญญาหรือการดำเนินการใด ๆ กับผู้อื่นทางการเงิน ทางธุรกิจหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินใด ๆ หรือสิทธิในทรัพย์สินนั้นแทนคนต่างด้าว โดยปกปิดชื่อเจ้าของที่แท้จริงซึ่งเป็นคนต่างด้าวหรือกระทำการภายใต้การบริหาร การควบคุมหรือครอบงำของคนต่างด้าว ให้ถือเป็นการทำธุรกรรมอำพราง
- กำหนดการกระทำที่เข้าข่ายลักษณะการกระทำความผิดฐานตัวแทนอำพราง เช่น การซื้อขาย เช่า ให้เช่า โอน รับโอน หรือครอบครองทรัพย์สินโดยเจตนาเป็นตัวแทนอำพราง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางสิทธิที่แท้จริงจากการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิใดๆ แทนคนต่างด้าว รวมทั้งการให้การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าวโดยเป็นตัวแทนอำพราง
14.ควรให้มีการจัดทำกฎหมายเฉพาะในระดับพ.ร.บ.โดยอย่างน้อยควรมีสาระสำคัญครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้
1.กำหนดหลักการให้มีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดลักษณะตัวแทนอำพราง เพื่อใช้เป็นกฎหมายเฉพาะในความผิดฐานตัวแทนอำพราง
2.กำหนดนิยามคำว่า ‘ตัวแทนอำพราง’ และ ‘ธุรกรรมอำพราง’ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับบุคคลและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำนิติกรรมสัญญาหรือการดำเนินการใด ๆ กับผู้อื่นทางการเงิน ทางธุรกิจหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินใด ๆ หรือสิทธิในทรัพย์สินนั้นแทนคนต่างด้าว โดยปกปิดชื่อเจ้าของที่แท้จริงซึ่งเป็นคนต่างด้าวหรือกระทำการภายใต้การบริหาร การควบคุมหรือครอบงำของคนต่างด้าว ให้ถือเป็นการทำธุรกรรมอำพราง
3.กำหนดการกระทำที่เข้าข่ายลักษณะการกระทำความผิดฐานตัวแทนอำพราง เช่น การซื้อขาย เช่า ให้เช่า โอน รับโอน หรือครอบครองทรัพย์สินโดยเจตนาเป็นตัวแทนอำพราง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางสิทธิที่แท้จริงจากการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิใดๆ แทนคนต่างด้าว รวมทั้งการให้การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าวโดยเป็นตัวแทนอำพราง ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ
@ ตั้ง ‘บอร์ดควบคุมธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพราง’
4.กำหนดโครงสร้างการบริหารงานตามกกฎหมาย โดยมีโครงสร้าง ดังนี้
- คณะกรรมการควบคุมการทำธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพราง โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการ ดังนี้ นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธาน
กรรมการ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ซึ่งครม.แต่งตั้ง โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการทำธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพราง เป็นกรรมการและเลขานุการ
- หน้าที่และอำนาจ ในการเสนอนโยบายและมาตรการป้องกันต่อครม. ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือของประชาชนเพื่อสอดส่องและป้องกัน รวมทั้งตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานตัวแทนอำพราง
- จัดตั้งสำนักงานควบคุมการทำธุรกรรมลักษณะตัวแทนอำพราง ซึ่งเป็นส่วนราชการที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระและเป็นกลาง
5.กำหนดบทลงโทษเป็นแบบขั้นบันได โดยมีความหนักเบาแห่งข้อหาตามความรุนแรงหรือความเสียหายของการกระทำความผิด รวมทั้งกำหนดโทษที่เป็นการขัดขวางการดำเนินการชองเจ้าพนักงาน หรือฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการที่มีคำสั่งให้ผู้ใดมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหรือวัตถุใดๆ
รายงานข่าวระบุว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 24 มีนาคม 2568 แจ้งกลับมายังผู้ตรวจการแผ่นดินว่า นายกรัฐมนตรีมีบัญชามอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหลักในการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการทำธุรกรรมอำพรางแทนคนต่างด้าว และส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเรื่องการจัดทำกฎหมายเฉพาะในระดับพ.ร.บ.ให้ครม.พิจารณาต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา