
น้องสาว 'ผกก.โจ้' ยื่น 'พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง' ย้าย 'เผด็จ หริ่งรอด' รักษาราชการผบ.เรือนจำคลองเปรม หลังสั่งย้ายรองหัวหน้าแดน 7 ไปแล้วเมื่อ 9 มี.ค. 2568 ด้านอธิบดีกรมราชทัณฑ์สั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องขังชาย (ข.ช.) ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมอบชอบกลาง ซึ่งถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุมแดน 5 เสียชีวิตในห้องขังหมายเลข 50 ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 นางสาวธนัญญา อุทธนผล น้องสาวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มีหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เรื่อง ขอให้พิจารณาย้ายนายเผด็จ หริ่งรอด ผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรม และนายสิทธิพร แก้วคำบง เจ้าหน้าที่ ควบคุม (รองหัวหน้าแดน 7) ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม
มีรายละเอียด ดังนี้
สืบเนื่องจาก เหตุการณ์การกลั่นแกลงและการใช้ความรุนแรง โดยนายสิทธิพร แก้วคำบง เจ้าหน้าที่ควบคุม ที่นายธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องขัง ได้มีการร้องเรียนไว้แล้ว และต่อมามีเหตุการณ์การเสียชีวิตของนายธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางคลองเปรม อยู่ในความดูแลของนายเผด็จ หริ่งรอด ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมที่มีอำนาจเด็ดขาดในการดูแล และการสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของนายธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องขัง ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงและเก็บพยานหลักฐาน มีความจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อป้องกันการแทรกแซงหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
การร้องขอความเป็นธรรรมต่อ นายเผด็จ หริ่งรอดก่อนหน้านี้ถูกเพิกเฉยมาโดยตลอด พยานหลักฐานไม่ว่า พยานบุคคล พยานเอกสาร ทั้งประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อมอยู่ภายใต้การควบคุมของนายเผด็จ หริ่งรอด เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงและเก็บพยานหลักฐาน เป็นไปโดยความเรียบร้อยและเป็นธรรม จึงขอให้พิจารณานายเผด็จ หริ่งรอด ผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรม และนายสิทธิพร แก้วคำบง เจ้าหน้าที่ควบคุม (รองหัวหน้าแดน 7) ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม จนกว่ากระบวนการสอบสวนทางคดีจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อพยานหลักฐานและความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และดำเนินการโดยเร่งด่วน

หลังจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2568 นายเผด็จ หริ่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ลงนามคำสั่งเรือนจำกลางคลองเปรม ที่318/2568 ให้นายสิทธิพร แก้วคำบ้ง พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง ให้ปฎิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไป ส่วนบริหารทั่วไปและห้ามเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง เพื่อความโปร่งใสและไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการสอบข้อเท็จจริง
นายเผด็จ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย 1.นายกลารัตน์ คงช่วย นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ ประธานกรรมการ 2.พ.อ.อ.สุประดิษฐ์ ไชยลาภ พนักงานคุมประพฤติชำยาญการพิเศษ กรรมการ 3.พ.ต.ท.ณัฐพล รัตน์สุภาพงษ์ สารวัตรสอบสวน กรรมการ 4.นางสาวพิมพิกา วงศ์มีเกียรติ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ กรรมการ 5.นายปริมนต์ เทพอัคศร นักทัณฑวิทยาชำนาญการ กรรมการ และ 6.นายอาทิตย์ โทรัตน์ นักทัณฑวิทยาชำนาญการ กรรมการและเลานุการ ทั้งนี้ให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็วและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2(ผบก.น.2 ) เปิดเผยความคืบหน้าด้านการสืบสวนสอบการเสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่า วันนี้ยังไม่มีการประชุม แต่ในกระบวนการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนนัดผู้เกี่ยวข้องทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยสั่งการเร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร็วและให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะ นอกจากครอบครัวพ.ต.อ.ธิติสรรค์ แล้วจะเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำทั้งหมด หากมีความคืบหน้าจะประชุมที่ สน.ประชาชื่น ซึ่งทางรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ สำหรับผ้าขนหนูและวัตถุพยานต่างๆที่พบในจุดเกิดเหตุนั้นต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งผลแพทย์ และผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ รวมถึงกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน
ด้านนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความครอบครัวพ.ต.อ.ธิติสรรค์ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตขอเลื่อนนัดหมายเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนออกไปก่อนโดยขอไปดำเนินการเรื่องงานศพให้แล้วเสร็จก่อนและรอผลการตรวจชันสูตรศพรอบ 2 จากภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ
นอกจากนี้ ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังสั่งการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายร่วมเข้าตรวจสอบการเสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯและร่วมสังเกตการณ์การชันสูตรเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่า ขณะนี้เร่งรัดให้กรมราชทัณฑ์และหน่วยงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องนำหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ออกมาเปิดเผยชี้แจง โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนและญาติสงสัย แต่จะต้องไม่ขัดหลักกฎหมายหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น โดยขอให้แยกคดีนี้เป็น 2 ส่วน คดีการเสียชีวิตและคดีมูลเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิต และส่วนที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองไปสังเกตการณ์ประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรรม เมื่อวันที่ 9 มี.ค.นั้นยังไม่มีรายงานเข้ามาโดยต้องให้เวลาทำงาน แต่ยืนยันว่ามีความเสียใจกับผู้สูญเสียและสิ่งที่ญาติผู้เสียชีวิตต้องการที่สุดคือความเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะมาช่วยดูแลเรื่องนี้
เมื่อถามว่าครอบครัวยังติดใจการแถลงข่าวของกรมราชทัณฑ์ที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ครอบครัวได้รับข้อมูลมานั้นหรือไม่
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเรือนจำขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าสอบปากคำผู้เสียชีวิตกรณีถูกทำร้ายร่างกายมีใบรับรองทางการแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ชัดเจน ว่าถูกของแข็งกระแทกเข้าที่ลำตัวนั้น ถ้าตรวจสอบแล้วการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ กรมราชทัณฑ์มีมาตรการทางปกครองอยู่แล้ว และในส่วนผู้คุมหากทำร้ายร่างกายนักโทษจริง ก็มีโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง รวมถึงต้องดำเนินคดีอาญาโดยไม่ละเว้น แต่ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อน
"แม้พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จะเสียชีวิตแล้วแต่คดีอาญาก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะผู้กระทำความผิดยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะหมดอายุความ โดยสอบสวนจากพยานหลักฐานอื่น เช่น พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และพยานบุคคล ซึ่งเชื่อว่าไม่มีการปิดบังพยานหลักฐาน เพราะหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาก็มาจากเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็ม ที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ควรจะอนุญาตให้เผยแพร่ด้วย และพยายามยกระดับเรือนจำให้เป็นสถานที่ฟื้นฟู เพื่อให้คนมีชีวิตใหม่และเป็นคนใหม่ออกไปสู่สังคม เพราะเรือนจำไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร หากใครที่ก้าวพลาดจะเข้าเรือนจำก็ต้องมีคำพิพากษาของศาล แต่เรือนจำไม่ใช่ศาลต้องไม่อคติกับใคร" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ขอขังเดี่ยว เพราะกลัวถูกบุคคลอื่นทำร้ายว่า ขออธิบายว่าห้องดังกล่าว ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอน ที่โดยปกติสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 4-5 คน แต่พ.ต.อ.ธิติสรรค์ นอนคนเดียวและตอนกลางวันยังมาร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้หมดก่อนเกิดเหตุก็ยังเข้าเยี่ยมญาติด้วยซึ่งปกติแล้วสิ่งที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกร้องมาที่สุดคือพื้นที่การนอน แต่ประเด็นที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือล่าช้า เนื่องจากเรือนจำมีพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ และต้องไปเอากุญแจที่อาคารด้านนอกกว่าจะมาถึงห้องขังจึงล่าช้า
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่าส่วนกรณีก่อนหน้านี้ที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่าผู้เสียชีวิตมีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น เนื่องจากเอกสารที่ออกมาของกระทรวงยุติธรรมทำให้ตนเข้าใจผิดเมื่อพูดคุยกับแพทย์ถึงรายละเอียดพบว่าเป็นแค่อาการวิตกกังวลไม่ใช่อาการป่วยทางจิตเวช ส่วนประเด็นที่มีเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์โทรฯ ไปคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้ถอนแจ้งความ คดีทำร้ายร่างกายภายในเรือนจำขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะถ้ามีคนเสียชีวิตถือว่าเป็นโทษวินัยร้ายแรงจะต้องสอบปากคำผู้คุมและเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานในขณะนั้นทั้งเรือนจำ ขณะที่ผ้าขนหนูเป็นผ้าที่ใช้งบประมาณกรมราชทัณฑ์จัดซื้อมาซึ่งผู้ต้องขังได้รับหมดทุกคนส่วนขนาดที่มีความคลาดเคลื่อนนั้นจริงๆแล้วหน่วยวัดคลาดเคลื่อน จริงๆคือเป็นขนาดประมาณ 40-50 นิ้ว ไม่ใช่เซนติเมตร
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหารือร่วมกับตำรวจ อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนในเรือนจำอะไรที่เป็นกฎระเบียบที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน หรือหลักกฎหมาย ก็ถึงเวลาสังคายนา" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ครอบครัวผู้เสียชีวิตพร้อมทนายความ มาทำเอกสารเพื่อติดขอรับศพโดยครอบครัวเลี่ยงเดินอ้อมเข้าหลังอาคาร มีสื่อมวลชนบางส่วนเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการรับศพและการชันสูตรพลิกศพแต่ทางครอบครัวไม่ตอบคำถามใด ๆ พยายามรีบเดินก็เข้าไปในอาคาร โดยทนายความระบุกับสื่อมวลชนว่ายังไม่พร้อมให้ข้อมูลใด ๆ
ต่อมาเวลาประมาณ13.00 น. พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กรณีคำสั่งย้ายนายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรม ให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไป ส่วนบริหารทั่วไปนั้น ถือเป็นเรื่องปกติเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ออกคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงรวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยมีหัวหน้าผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน ส่วนอีก 3 ราย เป็นบุคคลภายนอก ทั้งในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และมีระดับเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งการตั้งคณะทำงานชุดนี้ขึ้นมานั้น หากนายสิทธิพร ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม จะไม่สะดวกในการสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จึงต้องย้ายนายสิทธิพร ออกจากการเป็นผู้คุมแดน 7 ไว้ก่อน โดยให้ไปอยู่งานด้านธุรการแทน เพื่อลดบทบาท แม้จะยังไม่ปรากฏว่าเป็นผู้กระทำผิด ทั้งนี้ปกติมีเวลา 30 วัน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ก็สามารถขยายกรอบระยะเวลาได้อีก
พ.ต.ท.เชน กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่คณะทำงานจะต้องทำการสอบถามและตรวจสอบนั้น เราจะถามทุกประเด็น โดยเฉพาะกรณีของหนังสือร้องเรียนโดยมารดาของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ ที่ได้มีการเขียนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 แต่ตอนที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ลงนามตรงกับวันที่ 3 มี.ค. 2568 โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2568 ซึ่งคณะทำงานชุดนี้จะได้ตรวจสอบเรื่องหนังสือร้องเรียนของมารดาด้วยที่ว่ามีการกลั่นแกล้ง ทำร้ายร่างกายใด ๆ ของผู้คุมต่อพ.ต.อ.ธิติสรรค์หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมใด ๆ รวมไปถึงกรณีของการเสียชีวิตระหว่างการคุมขังของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ด้วย
ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ยังคงติดใจในสาเหตุการผูกคอตายนั้น ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ตนเองรู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะเท่าที่ทราบครอบครัวได้เข้าเยี่ยมผู้เสียชีวิตมาตลอดกว่า 3 ปี ซึ่งตนเองนับเป็นรุ่นพี่ของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนจะโอนมาอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าจะไม่ให้พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เสียชีวิตฟรีอย่างแน่นอน และจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 7 ราย ที่มีการแต่งตั้งขึ้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา