ป.ป.ช.เผยแพร่มติที่ประชุมชุดใหญ่ เสียงเอกฉันท์ชี้มูลความผิด พันเอกชุติเทพ ราชสีหา อดีตนายทหารวิทยาลัยการทัพบก กองทัพบก เรียกรับเงินผิดอาญาวินัยร้ายแรง 3 กรณีจาก 4 เรื่อง แต่ไม่เปิดรายละเอียดถูกกล่าวหาเรื่องอะไร ถูกถอดยศทหารเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหตุทำผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไปแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด พันเอกชุติเทพ ราชสีหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายทหารวิทยาลัยการทัพบก กองทัพบก เรียกรับเงิน 4 กรณี
โดยระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้นแล้วมีมติว่า
1.กรณีการเรียกรับเงิน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและกลั่นกรองสำนวนการไต่สวน คณะที่ 2 ว่า การกระทำของ พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 171) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติไม่สมควร ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ ตามพระราชบัญญัติวินัยทหาร พ.ศ 2476 มาตรา 5 (7) ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ไม่สมควรดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2.1 และข้อ 2.9 และมติสภากลาโหม ครั้งที่ 3/07 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2507 ข้อ 2.1 และข้อ 2.10 ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 มาตรา 15
2.กรณีการเรียกรับเงิน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและกลั่นกรองสำนวนการไต่สวน คณะที่ 2 ว่า การกระทำของ พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 171) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติไม่สมควร ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานเป็น ผู้ไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ ตามพระราชบัญญัติวินัยทหาร พ.ศ 2476 มาตรา 5 (7) ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ไม่สมควรดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2.1 และข้อ 2.9 และมติสภากลาโหม ครั้งที่ 3/07 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2507 ข้อ 2.1 และข้อ 2.10 ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 มาตรา 15 ทั้งนี้ เนื่องจากได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่เกิดเหตุ และพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนความเห็นสั่งฟ้อง พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 24 แล้ว จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 63
3.กรณีการเรียกรับเงิน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและกลั่นกรองสำนวนการไต่สวน คณะที่ 2 ว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ได้ยื่นฟ้อง พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานฉ้อโกง ต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ตามคดีหมายเลขดำที่ 53/2565 ซึ่งเป็นการกระทำในประเด็นเดียวกันกับเรื่องกล่าวหาคดีนี้ เห็นว่า เป็นเรื่องที่เป็นคดีอาญาในประเด็นเดียวกันและศาลประทับรับฟ้องแล้ว จึงมีมติไม่รับหรือยกเรื่องขึ้นพิจารณา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 54 (2)
4.กรณีการเรียกรับเงิน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่จะฟังได้ว่า พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
เบื้องต้น ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ พันเอก ชุติเทพ ราชสีหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2561 มาตรา 91 (1)
อย่างไรก็ดี ในการเผยแพร่ข้อมูลผลคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดข้อกล่าวหา พฤติการณ์การกระทำความผิดแต่ละกรณีไว้แต่อย่างใด
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบว่า พันเอกชุติเทพ ราชสีหา เคยถูกร้องเรียนการแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือเข้ารับราชการนายสิบทหารบกและหลอกลวงให้ร่วมลงทุน ในช่วงปี 2566
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พันเอกชุติเทพ ราชสีหา เนื่องจาก กระทำผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไปแล้ว
อนึ่ง การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก