วุฒิสภาเลื่อนเดดไลน์ตรวจสอบประวัติ ‘ประภาศ คงเอียด’ แคนดิเดต กก.ป.ป.ช. ก่อนครบกำหนด 27 ธ.ค. กมธ.วิสามัญฯแจงเหตุต้องตรวจสอบด้วยความรอบคอบ มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน สมบูรณ์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าในการตรวจสอบ นายประภาส คงเอียด ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติซึ่งจะครบกำหนดการทำงานของคณะกรรมการธิการวิสามัญฯ ในวันที่ 27 ธ.ค. ได้ทำเอกสารขอเลื่อนการตรวจสอบประวัติ โดยสรุปสาเหตุของการเลื่อน ว่าการตรวจสอบต้องกระทำด้วยความรอบคอบ โดยเอกสารภายในของวุฒิสภาดังกล่าว ทางด้านของนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาได้เซ็นอนุมัติการเลื่อนการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว
สำหรับเอกสารของวุฒิสภามีรายละเอียดดังนี้
ด้วยคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และ พฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ได้มีหนังสือ ที่ สว (ปปช) 0008/(ต) 755 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2567 กราบเรียน ประธานวุฒิสภา เรื่อง ขอขยายเวลาการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ความสรุปว่า คณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับ การเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้รับมอบหมาย ให้ทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จํานวน 1 คน คือ นายประภาศ คงเอียด โดยกําหนดเวลาปฏิบัติงานภายใน 60 วัน นับแต่วันที่วุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการ สามัญ ซึ่งกําหนดเวลาการปฏิบัติงานของคณะกรรมาธิการสามัญจะครบกําหนดในวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 และเนื่องจากการพิจารณาตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรม ทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติดังกล่าวข้างต้น มีข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หลายประการ ที่คณะกรรมาธิการสามัญจําเป็นจะต้องดําเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดและรอบคอบ รวมทั้งรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานที่สําคัญและจําเป็นสําหรับใช้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ในการนี้ เพื่อให้การพิจารณาตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรม ทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของคณะกรรมาธิการสามัญเป็นไปด้วยความละเอียดและรอบคอบ มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 105 วรรคสอง คณะกรรมาธิการสามัญจึงมีมติขอขยายเวลาการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสามัญ ออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกําหนด และหากคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาแล้วเสร็จ จะได้เสนอรายงานการพิจารณา ต่อประธานวุฒิสภาโดยเร็ว รายละเอียดปรากฏตามเอกสารที่เสนอมาพร้อมนี้
สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ขอกราบเรียนข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
ข้อเท็จจริง
ในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 21 (สมัยสามัญประจําปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นคณะหนึ่งเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จํานวน 15 คน โดยมีกําหนดเวลาปฏิบัติงานภายใน 60 วันนับแต่ วันที่วุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ ซึ่งจะครบกําหนดในวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567
ข้อกฎหมาย
ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562
ข้อ 100 กําหนดว่า “ถ้ามีมติของวุฒิสภาให้คณะกรรมาธิการใดกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดให้เสร็จภายในกําหนดเวลาใด และคณะกรรมาธิการ จะกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้นไม่เสร็จภายในเวลาที่กําหนด ประธาน คณะกรรมาธิการหรือผู้ทําหน้าที่แทนต้องรายงานให้ประธานวุฒิสภาทราบโดยด่วน
ในกรณีดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ถ้าอยู่ในระหว่างสมัยประชุมสามัญ ให้ประธาน วุฒิสภาเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา และที่ประชุมวุฒิสภาอาจลงมติให้ขยายเวลาที่ได้กําหนดไว้ หรือให้ตั้ง คณะกรรมาธิการใหม่แทนคณะเดิม หรือให้ดําเนินการอย่างอื่นสุดแต่ที่ประชุมวุฒิสภาจะเห็นสมควรแต่ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมสามัญก็ให้ประธานวุฒิสภามีอํานาจอนุญาตให้ขยายเวลาที่กําหนดไว้ได้ ตามที่พิจารณาเห็นสมควร แล้วแจ้งให้วุฒิสภาทราบภายหลัง ทั้งนี้ ภายใต้บังคับข้อ 136
ข้อ 105 กําหนดว่า “เมื่อมีกรณีที่วุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้บุคคลดํารงตําแหน่งใด ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นคณะหนึ่ง มีจํานวนไม่เกินสิบห้าคน เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งนั้น รวมทั้งรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันจําเป็น สําหรับตําแหน่งนั้นเป็นกรณีๆ ไป”การตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล ตามวรรคหนึ่ง ต้องกระทําให้เสร็จครบทุกรายภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว คณะกรรมาธิการสามัญอาจขอขยายเวลาได้อีกไม่เกินสามสิบวัน เว้นแต่จะมีกฎหมายกําหนดระยะเวลาไว้เป็นอย่างอื่น
ข้อ 114 กําหนดว่า “ให้นําความในหมวด 4 กรรมาธิการ มาใช้บังคับกับการดําเนินการของคณะกรรมาธิการสามัญโดยอนุโลม เว้นแต่ที่มีบัญญัติไว้แล้วในหมวดนี้
ข้อพิจารณาและความเห็น
สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภาพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ประธานคณะกรรมาธิการสามัญได้รายงานต่อประธานวุฒิสภาถึงเหตุผลและความจําเป็นในการขอขยายระยะเวลาการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (นายประภาศ คงเอียด) ออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกําหนด นั้น เพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณา ให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของวุฒิสภา ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 100 วรรคสอง ประกอบข้อ 105 วรรคสอง และข้อ 114
ดังนั้น จึงเห็นควรอนุญาตให้นําเรื่องขอขยายเวลาการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสามัญ ดังกล่าวตามที่ร้องขอ เสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาต่อไป
อนึ่ง หากที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาอนุญาตให้ขยายเวลาตามที่คณะกรรมาธิการสามัญ ร้องขอ จะมีผลทําให้การดําเนินการของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (นายประภาศ คงเอียด) ครบกําหนดระยะเวลาการพิจารณา ในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุญาตให้นําเรื่องขอขยายเวลาการพิจารณา ของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (นายประภาศ คงเอียด) ออกไปอีก 30 วัน บรรจุระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือน ส.ค.ปรากฎเป็นข่าวว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แทน พลเอกบุญยวัจน์ เครือหงส์ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ โดยมีนางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ได้มีการลงคะแนน 6 : 1 : 1 คะแนน เลือก 'ประภาศ คงเอียด' ให้มาดำรงตำแหน่งแทนพลเอกบุญยวัจน์