เบื้องหลังที่ประชุมใหญ่ ศาลปค.สูงสุด ยกคำร้อง ‘บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล' ขอคุ้มครองชั่วคราวถูกออกจากราชการ ลงมติข้างมากกว่า 40 เสียง ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกมาตรการระหว่างพิจารณาคดี รับรองมติเสร็จทำคำสั่งแจ้งคู่กรณีทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2567 ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีมติด้วยเสียงข้างมากกว่า 40 เสียง (จากจำนวนตุลาการศาลปกครองสูงสุดกว่า 50 คน) ให้ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร. ) ยื่นฟ้อง ผบ.ตร. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการ โดยการฟ้องคดีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวด้วย
แหล่งข่าวจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า แม้ว่าองค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีจำนวน 5 คน ได้รับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา แต่มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ดังนั้น เมื่อมีการส่งเรื่องให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตามขั้นตอนก่อนออกคำสั่ง รองประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า องค์คณะมีความเห็นแตกต่างกันและเป็นคดีสำคัญ จึงเสนอเรื่องต่อนายประสิทธิศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด ให้นำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีการประชุมในวันนี้และมีมติด้วยเสียงข้างมากให้ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีมติยกคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้ว ตามขั้นตอนจะต้องนำเข้ารับรองมติอีกครั้งหนึ่งในการประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดในสัปดาห์หน้านี้
“เมื่อรับรองมติที่ประชุมแล้ว องค์คณะของศาลปกครองสูงสุดที่พิจารณาคดีนี้นำมติดังกล่าวไปทำเป็นคำสั่งเพื่อแจ้งให้กับคู่กรณีทราบต่อไป” แหล่งข่าวระบุ
อ่านประกอบ :