บอสพอล เข้าให้ปากคำตำรวจ ปคบ. ยอมรับเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เตรียมหาคนกลางประสานแก้ปัญหา เยียวยาผู้เสียหาย ด้าน ‘แซม-มิน’ เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว ขณะที่ตร.สั่งการทั่วประเทศรับแจ้งความคดีนี้ ดีเอสไอ รวบรวมข้อมูล ยังไม่ยกเป็นคดีพิเศษ ส่วนบอสพอลผิดแน่แล้วฐานฉ้อโกง แต่ยังไม่พบพฤติการณ์หลบหนี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 ต.ค. 2556 เมื่อเวลา 13.30 น. นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อชี้แจง และ แสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกมีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความเอาผิดโดยกล่าวหาว่าหลอกร่วมลงทุน
นายวรัตน์พล กล่าวว่า รู้สึกเสียใจ รู้สึกไม่ดีและเศร้ามาก หลังทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายและมีผู้เสียชีวิต วันนี้จึงเดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยอมรับที่ออกมาชี้แจงในวันนี้ถือว่าช้ามาก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งใจที่จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและประสบปัญหา ส่วนกรณีที่มีผู้สูญเสียเงินและเสียชีวิต จะหาคนกลางที่สังคมให้ความเชื่อมั่นเชื่อถือเข้ามาร่วมในการแก้ไขปัญหาเยียวยาให้กับผู้เสียหายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด
@เป็นบอสหรือไม่ ขอให้การกับตร.
ส่วนดาราที่มีการเรียกว่าบอสเป็นผู้บริหารด้วยหรือไม่นั้น นายวรัตน์พล กล่าวว่า ข้อมูลในส่วนนี้ขอไปชี้แจงกับตำรวจไม่ขอเปิดเผยต่อสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากรณีที่มีผู้สูญเสียเงินเกิดจากความผิดพลาดของบริษัทหรือไม่ นายวรัตน์พล กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ในการให้ข้อมูลทั้งสองฝ่าย ทั้งจากบริษัทและผู้เสียหาย หากสังคมได้ข้อมูลทั้งสองฝ่ายก็สามารถตัดสินได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
“ยืนยันในความบริสุทธิ์เพราะสร้างบริษัทมาหกปี ไม่คิดว่าการขายของออนไลน์ในลักษณะนี้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและยังมีหลายบริษัทที่ทำในลักษณะเดียวกัน เพราะตัวเองไม่ใช่เจ้าแรกที่คิดหรือทำธุรกิจแบบนี้ได้ เพราะเห็นรุ่นพี่ในวงการธุรกิจทำเติบโตและประสบความสำเร็จ ในธุรกิจออนไลน์หลายๆ แบรนด์” นายวรัตน์พล กล่าว
ยุรนันท์ ภมรมนตรี (แซม) นักแสดงชื่อดัง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.
@แซม-มิน มาพบพนักงานสอบสวนแล้ว
ต่อมา เวลา 16.15 น. นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ แซม ยุรนันม์ อายุ 61 ปี นักแสดงชายชื่อดัง พร้อมทนายความเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กรณีที่มีการร่วมงานกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แซมยุรนันท์เดินทางเข้าให้ปากคำนั้น เจ้าตัวยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยกล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆเพียงว่า ที่มาในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตามหมายเรียก เพราะยังไม่มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด แต่ที่มาก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มาในวันนี้เพราะกลัวจะมีการออกหมายจับหรือไม่ แซม ยุรนันท์ กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกัน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด” ก่อนเจ้าตัวจะขออนุญาตเดินเข้าลิฟต์เพื่อรีบไปให้ปากคำตำรวจ
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า มิน พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ดาราสาวชื่อดังที่ควบตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน โดยไม่ได้พบปะสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
@ผู้เสียหาย 488 คน มูลค่าราว 178 ล.
ด้าน พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดว่า วันนี้ได้มีประชาชนมาแจ้งความ 235 ราย ยอดรวมในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมถึงปัจจุบัน มียอดรวมผู้เสียหาย 488 ราย มูลค่าความเสียหาย 178 ล้านบาท วันนี้ได้ขอศาลอาญาออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมทั้งโกดังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น
ขณะเดียวกันนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัทฯ และอีกหลายคนได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
@สั่งการพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ รับแจ้งความ
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่จะเดินทางมาแจ้งความ กรณีที่อยู่ต่างจังหวัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีวิทยุสั่งการด่วนถึงที่สุดให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศทุกท้องที่รับแจ้งความ ส่วนประเด็นการสอบสวนได้ส่งให้พนักงานสอบสวนทุกท้องที่แล้วสำหรับประชาชนที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสามารถไปแจ้งความได้ที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่สุด ทั้งนี้ที่บช.ก.ในแต่ละวันได้จัดพนักงานสอบสวนไว้รองรับจำนวน 70 นาย พร้อมจัดอาหารว่างเครื่องดื่มไว้รองรับให้กับประชาชนที่เข้ามาแจ้งความ
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้น เจ้าได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ซึ่งได้สอบพยานบุคคล และคำให้การในส่วนนี้ต้องมีรายละเอียดที่ต้องเชื่อมโยงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งพยานวัตถุและพยานเอกสาร ซึ่งผู้เสียหายต่างๆรู้จักเพียงชื่อเล่น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อมูล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนทุกมิติ
อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.67) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, สคบ., ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อกำชับสั่งการให้ทำคดีให้รวดเร็ว และได้พูดคุยหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง จากกระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลในเรื่องพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ เข้ามาให้แนวทางกับทางตำรวจ อย่างไรก็ตามทางดีเอสไอได้ให้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอดำเนินการในเชิงรุกสอบสวนควบคู่ไปกับตำรวจด้วย
@ดีเอสไอกำลังสอบสวน ยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่
สำหรับเกณฑ์ที่สำนวนจะเข้าสู่ดีเอสไอหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าทางดีเอสไอมีการดำเนินการอย่างเชิงรุก และทำการประสานกับทางตำรวจมาโดยตลอด ซึ่งวันนี้ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกับทางตำรวจด้วย
@ยังไม่ออกหมายจับ กำลังรวบรวมข้อมูล
เมื่อถามว่าออกหมายจับได้หรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จะต้องรีบดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนให้รอบด้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ สำหรับการเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ได้ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวนมาช่วยดูเรื่องนี้ ทั้งนี้พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นในวันนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งได้มีการแยกประเภทของผู้เสียหายเพราะมีพฤติกรรมที่อาจจะเสียเงินไปไม่เท่ากันตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน โดยบางรายได้รับโปรโมชั่นในการไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศด้วย จะต้องนำมาพิจารณา
@ยังไม่พบพฤติการณ์หลบหนี
ส่วนกรณีที่นายวรัตน์พล ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อน พล.ต.ต.โสภณกล่าวว่า ตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนจะต้องมีการซักถาม ชื่อนามสกุล ถิ่นที่อยู่ และต้องแจ้งรายละเอียดที่ผู้เสียหายได้มีการกล่าวโทษให้นายวรัตน์พลทราบ เมื่อทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายเสร็จสิ้นจะมีการปล่อยตัว
เมื่อถามว่าหากปล่อยไปอาจจะมีการหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า เนื่องจากยังไม่พบพฤติการณ์ว่าจะมีการหลบหนี
@ย้ำ! มีบอสเสี่ยงผิด คนอื่นรอรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนเรื่องการออกหมายจับกับผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และดาราคนอื่นที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหา คือ บอสพอล ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งการออกหมายจับในตอนนี้ยังทำไม่ได้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารโดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคล ซึ่งแต่คนละคนมีพฤติการณ์ที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามจะหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเชื่อมโยงของบริษัทฯ เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดใด และยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนยังตรวจพบว่ามีบุคคลของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป บางรายมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกด้วย
ส่วนกรณีที่ผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนถูกออกหมายเรียกนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคหนึ่ง เมื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนถึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป
ส่วนที่มีการเพ่งเล็งว่าบอสพอล เป็นคนไทยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณระบุว่า ในส่วนนี้จะต้องมีการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อไปดูรายละเอียดที่มาของบัตรประชาชนของเจ้าตัว และในส่วนที่มีกระแสข่าวว่า บัตรประชาชนของบอสพอลมีเลข 5 นำหน้า จะต้องไปถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมาชี้แจงในกรณีนี้
เมื่อถามว่าหากปล่อยตัวไปผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไม่ จะสามารถขอหนังสือเดินทางไว้เพื่อป้องกันการหลบหนีหรือไม่พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะให้เอกสารดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่พบพฤติการณ์ในการหลบหน