‘เศรษฐา’ ถกบอร์ดดิจิทัลวอลเลต โยน ‘จุลพันธ์’ แถลง แย้มเพียงเชิญ ผช.ผบ.ตร.มาด้วย คุยล้อมคอกทุจริต แต่แจงทางเฟซฯ เปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้ ด้านรมช.คลังแถลงถอยใช้เงิน ธ.ก.ส.หลังหลายฝ่ายวิจารณ์ ใช้การบริหารงบปี 67-68 แทน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 4/2567 มีเรื่องรายละเอียดที่เรามาชี้แจงทำให้กระจ่างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทของสินค้าหรือหลายๆอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีความชัดเจนและได้ผลสรุปก่อนวันที่ 24 ก.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายจุลพันธ์ อมรวิววัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นคนแถลง
เมื่อถามว่า จากการประชุมวันเดียวกันนี้ ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เป็นการตอกย้ำเรื่องความชัดเจนและเรื่องการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นว่า พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. มาด้วย
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เริ่มมีการออกมาแอบอ้างเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับเงินในโครงการดิจิทัลวอลเลตโดยอ้างว่าเป็นลิ้งค์ของรัฐบาล ตรงนี้ได้สั่งให้มีการดำเนินการอย่างไร นายกรัฐนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ ซึ่งทางภาครัฐคงต้องมีการแจ้งว่า เป็นเรื่องของการแอบอ้าง คอยฟังประกาศจากรัฐบาลอย่างเดียวดีกว่า
เมื่อถามว่า ได้สอบถามกระทรวงการคลังหรือไม่ว่า ทำไมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เรื่องแหล่งเงินดิจิทัลวอลเลต ทำไมจึงไม่เอาเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกลับใช้งบประมาณปี 67-68 นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการชี้แจง ซึ่งได้เรียนไปแล้ว
เมื่อถามอีกว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีพูดในฐานะที่เป็นผู้นำ นายเศรษฐานิ่งสักครู่พร้อมหันหน้าไปอีกทาง ก่อนกล่าวว่า เรียนไปแล้ว แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าซุปเปอร์แอป เป็นอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกลา่าวว่า เดี๋ยว รมช. คลังจะเป็นคนชี้แจง เมื่อถามว่า สามารถที่จะเปิดใช้ทันไตรมาส 4 หรือไม่ นายเศรษฐาตัดบทและกล่าวว่า "ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ" และทำท่าเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สรุปแล้วแหล่งที่มาของเงินได้ข้อสรุปเรียบร้อยใช่หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณครับ สวัสดีครับ"
@แถลงผ่านเฟซฯ ลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกรัฐมนตร๊โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’ ว่า ดิจิทัลวอลเลตพร้อม เปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. นี้ ครับ
การประชุมวันนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน และการดำเนินการในภาพรวมที่จะรองรับการใช้งานของประชาชนและร้านค้า โดยมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมไปถึงการลงรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และมาตรการป้องกันการทุจริต การเรียกเงินคืนให้ชัดเจนขึ้นครับ
โครงการดิจิทัลวอลเลต คือ โครงการใหญ่ของภาครัฐที่จะเติมเงินกระเป๋าพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อความละเอียดรอบคอบทั้งทางกฎหมาย และทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้เวลาดำเนินการมากหน่อย แต่พี่น้องไม่ต้องคอยเก้อแน่นอนครับ
ที่มาภาพ: Facebook เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin
@ถอยล้วงเงิน ธ.ก.ส. บริหารงบ 67-68 เอา
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิววัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ครั้งใหม่ โดยจะตัดแหล่งเงินจากมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และใช้เงินจากงบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 รวม 4.5 แสนล้านบาท เพื่อแจกให้กับ 45 ล้านคน
นายจุลพันธ์ยอมรับว่า สาเหตุของการปรับที่มาของแหล่งวงเงินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ครั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานต่างๆ ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งในอดีตการดำเนินโครงการของรัฐไม่มีโครงการใดที่มีคนลงทะเบียนร่วมโครงการเกิน 90% กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ จึงได้หารือร่วมกันและเห็นชอบกับการตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกัน โดยปรับลดลงมาจากเดิม 5 แสนล้าน เหลือ 4.5 แสนล้าน
@ชง ครม.สัปดาห์หน้า
“โครงสร้างกรอบแหล่งเงินโครงการครั้งใหม่ จะไม่มีเงินจากมาตรา 28 แต่จะใช้งบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 ซึ่งเพียงพอและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของงบประมาณ และถ้าคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า รัฐบาลจะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณ เพื่อให้มีเงินทุกบาททุกสตางค์เพียงพอกับการใช้ในโครงการนี้ และรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบในสัปดาห์หน้า” นายจุลพันธ์ ยืนยัน
ทั้งนี้ ในแหล่งเงินของโครงการ วงเงิน 450,000 แสนล้านบาทนั้น มีที่มาจาก 2 แหล่ง คือ งบประมาณปี 2567 ทั้งการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม วงเงิน 122,000 แสนล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณอีก 43,000 ล้านบาท โดยไม่ใช่แค่งบกลางอย่างเดียว ส่วนงบประมาณปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณางบประมาณ และการบริหารจัดการงบประมาณอีก 132,300 ล้านบาท
ส่วนไทม์ไลน์โครงการนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับโครงการฯ ไปพิจารณากรอบรายละเอียดวันเวลาของการเริ่มต้นโครงการ และวันเปิดลงทะเบียน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้แถลงในวันที่ 24 ก.ค.67 นี้ อีกครั้ง เบื้องต้นกรอบของโครงการยังไม่เปลี่ยน คือลงทะเบียนในไตรมาสที่ 3 และ โอนเงินให้ประชาชนในไตรมาสที่ 4 ปี 2567