เผยมติ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 'ไตรเทพ งามกมล' สส.ภูมิใจไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.บุรีรัมย์-พวก 2 ราย คดีทุจริตร่วมกันจัดหาปุ๋ยอินทรีย์กระสอบละ 150-260 บาท ไปใช้โครงการส่งเสริมอาชีพคนบุรีรัมย์ ในราคากระสอบละ 500 บาท ส่วน 'กรุณา ชิดชอบ' เมียเนวิน รอด ไม่พบเข้าไปเกี่ยวข้องรู้เห็น ได้รับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดตอบแทน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ ในคดีทุจริตดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ ปีงบประมาณ 2555-2558 โดยร่วมกันจัดหาปุ๋ยอินทรีย์กระสอบละ 150-260 บาท เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการฯ ในราคากระสอบละ 500 บาท
โดยผู้บริหาร อบจ.บุรีรัมย์ ที่ถูกชี้มูลความผิดในคดีนี้ มี 3 ราย ประกอบไปด้วย นายไตรเทพ งามกมล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองนายก อบจ.บุรีรัมย์ ปัจจุบันเป็น สส. จังหวัดบุรีรัมย์ เขต 8 พรรคภูมิใจไทย, นายโกวิทย์ นาวีสัมพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ และ นายอดุลย์ กองชะนะ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต
นายไตรเทพ งามกมล มีมูลความผิด ตาม ป.อ. ม.157 ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 127/1 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91 และมีมูลความผิดละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นายโกวิทย์ นาวีสัมพันธ์ มีมูลความผิด ตาม ป.อ.มาตรา 86 ประกอบ มาตรา 157 ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91
นายอดุลย์ กองชะนะ มีมูลความผิด ตาม ป.อ.มาตรา 157 ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ 2542 มาตรา 127/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ กรณีปฏิบัติหน้าราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาลอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และกรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการองค์กรบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์
ส่วน นางกรุณา ชิดชอบ อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ (ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง) นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตีตกข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่พบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในการติดต่อขอซื้อปุ่ยอินทรีย์จากโรงงานผู้ผลิต หรือสั่งการให้บุคคลใดเข้าไปอำนวยความสะดวกในการเบิกถอนเงินแทนกลุ่มเกษตรกร และไม่พบว่าได้รับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดในการดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพของคนบุรีรัมย์ดังกล่าว ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านเรื่องประกอบ :