เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'เรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา' อดีตปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด-พวก เรียกเงินกลุ่มรถไถรับจ้างปรับพื้นที่แปลงนาโครงการเงินกู้กองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตาม ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranrws.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด และพวก เรียกรับเงินจากกลุ่มรถไถซึ่งรับจ้างปรับพื้นที่ในโครงการเงินกู้เพื่อปรับพื้นที่แปลงนาจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
หลังจากพิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
คดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย คือ
1. นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด
2. นายเตรียม ตรีพงษ์ เมื่อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ที่รับผิดชอบโครงการ
3. นางดวงใจ แสวงเจริญ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการเงินบัญชีและจัดเก็บผลประโยชน์
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา ปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร่วมกับพวกเผยแพร่กระจายข่าวให้เกษตรกรที่เข้าร่วมในโครงการเงินกู้เพื่อปรับพื้นที่แปลงนาจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยมีวิธีการกล่าวคือ ให้ตัวแทนกลุ่มเจ้าของรถไถนา เรียกเก็บเงินจากเจ้าของรถไถที่เข้าร่วมในโครงการไถปรับพื้นที่นาในอัตราคันละ 10,000 บาท ไปให้กับผู้ถูกกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นค่านายหน้าในการหางานให้ทำแล้วให้นำรถไถไปทำการไถปรับพื้นที่นาให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จากนั้นจะแจ้งให้เกษตรกรดังกล่าว ไปทำสัญญากู้เงินจากกองทุนฯ แล้วให้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คไว้โดยไม่มีการมอบเช็คไว้ให้แก่เกษตรกรผู้กู้ ซึ่งเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนและได้รับอนุมัติแล้ว เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด จะมอบเช็คที่มีการลงลายมือชื่อสลักหลังดังกล่าวให้กับตัวแทนกลุ่มเจ้าของรถไถ แทนที่จะมอบให้แก่เกษตรกรผู้กู้ตามระเบียบฯ นำเช็คไปขึ้นเงินที่่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาขน) สาขาร้อยเอ็ด ซึ่งเมื่อขึ้นเงินแล้ว นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา จะใช้ให้ผู้ใกล้ชิดไปเรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์ประมาณ 25-30% จากยอดเงินรวมที่เจ้าของรถไถทุกคันจะได้รับจากการรับจ้างไถปรับพื้นที่นา
การกระทำดังกล่าวทำให้เจ้าของรถไถไม่มีอำนาจต่อรองในการจ้างไถปรับพื้นที่นา เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ติดต่อด้วยตนเอง แต่มีนายหน้าจัดหามาให้เสร็จ ผลของงานไม่สำเร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ เกษตรกรผู้กู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องกู้เงินในอัตราสูงเพื่อจ่ายค่าจ้างโดยได้ผลประโยชน์ที่รับน้อยกว่าความเป็นจริง ทางราชการต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่จัดเก็บรับชำระหนี้คืนได้อัตราต่ำ นายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา กับพวก ได้วางแผนหลอกลวงเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการกู้เงินเป็นจำนวนมากให้ยอดกู้สูง ๆ จะได้เรียกเก็บเงินเปอร์เซ็นต์ได้มาก ๆ และใช้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด ช่วยเหลือโดยลัดขั้นตอนการกู้เงิน
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาจากการไต่สวนไม่ปรากฏว่ามีเกษตรกรหรือกลุ่มรถไถผู้รับจ้างไถปรับที่นาตามโครงการดังกล่าว ได้มอบทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร้อยเอ็ด และไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร้อยเอ็ด เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดกับเกษตรกรหรือกลุ่มรถไถผู้รับจ้างไถปรับที่นาตามโครงการดังกล่าว มีแต่เพียงกลุ่มรถไถผู้รับจ้างไถปรับที่นาบางรายที่ให้ถ้อยคำว่าได้มอบเงินให้ตัวแทนของกลุ่มรถไถเพื่อไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร้อยเอ็ด
แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า ตัวแทนของกลุ่มรถไถดังกล่าว ได้มอบเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร้อยเอ็ด แต่อย่างใด กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันเรียกรับเงินจากกลุ่มรถไถตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงทางการไต่สวนไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. จังหวัดร้อยเอ็ดรายใด มีพฤติการณ์เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตในโครงการเงินกู้เพื่อปรับพื้นที่แปลงนาจากกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้แก่เกษตรกรที่มีที่ดินทำกินในเขต ส.ป.ก.
การกระทำของนายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา ที่กระทำการผิดระเบียบของทางราชการในพฤติการณ์ที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเขียนเช็คสั่งจ่ายโดยไม่ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบของทางราชการ แต่เมื่อรับฟังประกอบพยานบุคคลแล้วการกระทำที่ผิดระเบียบดังกล่าวผู้กระทำยังไม่มีเจตนาทุจริตเรียกรับเงินจากเกษตรกร หรือกลุ่มรถไถแต่อย่างใด
ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่านายเรืองศิลป์ วงศ์บุญทิวา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายเตรียม ตรีพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางดวงใจ แสวงเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป