ที่ปรึกษาของนายกฯ ระบุส่งคำชี้แจงถึงศาล รธน.กรณีจริยธรรมไปแล้ว ไม่ตอบมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองควรเป็นอย่างไร ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา ด้านเลขาครม.ขอไม่พูดมาก หลังถูกระบุเป็นพยานในการชี้แจง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 มิถุนายน 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐาน กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
โดยกำหนดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567 นั้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของพยานที่ได้ส่งไปเพิ่มเติมมีเพียง 1 คน คือ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นบุคคลที่รู้กระบวนการทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ตรวจดูคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีมีความเป็นไปได้ที่นายกฯ จะรอด นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีความเห็น หากจะให้บอกว่าไม่รอดแน่ๆ ก็จะประหลาด หรือจะให้บอกว่ารอดแน่ๆ ก็พูดไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ในกระบวนการของศาล เพื่อให้ศาลสบายใจ ส่วนรายละเอียดคำชี้แจงเดี๋ยวคงมีการเปิดเผยกันออกมาเอง ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพียงแต่ในชั้นนี้ศาลยังไม่ได้พิจารณา เราจะมาพูดแถลงนอกศาลไม่ได้
@ส่งคำชี้แจงประเด็นจริยธรรมไปแล้ว
เมื่อถามว่า 2 เรื่อง ที่รัฐบาลไม่ได้ถามคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต ได้มีการชี้แจงต่อศาลไปหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ส่งคำอธิบายไป แต่ไม่ได้ถึงขนาดอธิบายเป็นคำนิยาม เพราะเป็นคำที่เข้าใจกันอยู่ทั่วไป เพียงแต่ว่า คำว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือมาตรฐานจริยธรรม มีความหมายของมันตามรัฐธรรมนูญและมีกระบวนการ
“คำว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่ใช่เป็นที่เราแต่งขึ้นเอง แต่เป็นคำเฉพาะที่เหมือนชื่อคน เป็นชื่อกฎหมาย ถ้าจะมากล่าวหาว่าใครผิดมาตรฐานจริยธรรมก็จะต้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีเส้นทางในการดำเนินการ ผมเชื่อว่าเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลจะพิจารณา เพราะอย่างอื่นสามารถพิสูจน์เป็นรูปธรรมได้ เช่น เคยติดคุกหรือไม่ เคยต้องคำพิพากษาหรือไม่ แต่เรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หากไม่มีกระบวนการโดยเฉพาะต่างหาก เรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อยู่ๆ จะไปบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะทำให้ขาดคุณสมบัติตลอดชีวิต” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีระบุ
@จริยธรรม ต้องให้ศาลตอบ
ถามว่า มีการมองว่าเรื่องมาตรฐานจริยธรรม น่าจะเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นเป็นผู้พิจารณา นายวิษณุกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นพิจารณาอยู่ด้วย
เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีคดีลักษณะเดียวกันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด โดยเป็นกรณีที่ดำรงตำแหน่งอยู่และมาร้องเรียนเพื่อเอาออกจากตำแหน่ง แต่กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน ปัจจุบันได้ออกจากตำแหน่งไปแล้วก็จบ เป็นเรื่องที่ตั้งไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีแล้ว หลายคนเป็นพฤติกรรมที่ทำไปแล้วเป็นชิ้นเป็นอันในขณะนั้น
เมื่อถามย้ำว่า มาตรฐานจริยธรรมต้องวัดหลังจากดำรงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ได้ตอบแบบนั้น แล้วแต่ศาล เราบอกก่อนไม่ได้
เมื่อถามอีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ครั้งนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นบรรทัดฐาน เมื่อถามว่า เป็นเพราะนายกฯ ไม่รู้พฤติกรรมในอดีตใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่อธิบายตรงนี้ ขอไปอธิบายกันในศาล ส่วนผลจะออกมาเร็วหรือช้านั้น ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ภายใน 3-7 วันนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไม่ต้องชี้แจงแล้ว เพราะได้ส่งพยานไปแล้ว 1 คน
@เลขาครม.ขอไม่พูดมาก
ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเป็นพยานเพียงคนเดียวในคดี 40 ส.ว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี คงพูดอะไรได้ไม่มาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจในการชี้แจงในฐานะที่เป็นพยานเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่ นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า ก็ทำตามขั้นตอน เมื่อถามว่า ทราบกำหนดนัดหมายของศาลในการนัดสอบพยานแล้วหรือยัง นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ยังไม่ทราบจริงๆ
เมื่อถามว่า จะชี้แจงกรณีที่ 40 ส.ว.ระบุว่าไม่ได้มีการชี้แจง มาตรา 160 (4) (5) รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์อย่างไร นางณัฐฏ์จารี กล่าวว่า มีในการชี้แจง