เบื้องหลัง! เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดี ม.112 พ่วงข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ เปิดช่องร้องขอความเป็นธรรม ลุ้น อสส.ให้กลับความเห็น หากพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปได้
แหล่งข่าวจากสำนักอัยการสูงสุด เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มอัยการ ว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้นายทักษิณขอเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 และการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นอกจากข้ออ้างว่าป่วยเพราะติดโควิดแล้ว อาจเป็นเพราะคาดหมายว่าจะมีการสั่งฟ้องคดีดังกล่าว หากเข้ามารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ก็จะมีการนำตัวส่งฟ้องศาล ยื่นเรื่องขอประกันตัว หากไม่ได้รับอนุญาตก็จะถูกคุมขังตามขั้นตอนทางกฎหมายได้
"แต่ถ้าไม่มารายงานตัว และได้รับอนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่ง นายทักษิณ ก็จะมีเวลาเตรียมตัวในการต่อสู้คดีมากขึ้น โดยเฉพาะการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แม้อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องก็ยังเปิดช่องให้นายทักษิณสามารถทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ เพราะคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุดในกรณีนี้มิใช่คำสั่งชี้ขาดกรณีที่มีการโต้แย้งคำสั่งไม่ฟ้องระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการซึ่งคำสั่งชี้ขาด ฟ้องแย้งดังกล่าวกฎหมายเขียนไว้ว่าถือเป็นที่สุด" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวกล่าว กล่าวอีกว่า ปกติพนักงานอัยการกลับความเห็นของตัวเองได้หากมีการร้องขอความเป็นธรรมโดยมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพียงแต่ถ้าเป็นถ้าเป็นพนักงานอัยการทั่วไปก็จะต้องเสนอความเห็นกลับความเห็นตัวเอง ไปยังผู้บังคับบัญชาอีกชั้นหนึ่ง
"แต่อัยการสูงสุดไม่มีผู้บังคับบัญชาสามารถกลับความเห็นตัวเองได้ โดยไม่ต้องเสนอผู้ใด ถ้าเห็นว่าการร้องขอความเป็นธรรมมีพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการดำเนินคดีอาญาที่ให้พนักงานอัยการผู้กลับความเห็นของตัวเองต้องเสนอผู้บังคับบัญชาเหนือตนไปอีกหนึ่งชั้นนั้น เป็นระเบียบที่ออกโดยอัยการสูงสุดใช้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น" แหล่งข่าวกล่าว
@ ประยุทธ เพชรคุณ
ขณะที่ก่อนหน้านี้นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลังจากนี้ นายทักษิณ จะสามารถยื่นร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมหรือขอเพิ่มพยานหลักฐานในคดีได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอัยการสูงสุดที่จะใช้ดุลพินิจเราไม่ก้าวล่วง เเต่ก็ต้องกลับไปดูระเบียบว่าถ้าหากเป็นการยื่นร้องขอความเป็นเเละไม่ใช่การประวิงคดีก็เป็นประเด็นที่อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา
นายประยุทธ ยังระบุด้วยว่า "ในส่วนที่บอกว่าคำสั่งอัยการสูงสุดเป็นเด็ดขาดหรือไม่จะเป็นกรณีที่สั่งไม่ฟ้อง ในกรณีมีความเห็นเเย้ง เเต่คำสั่งของอัยการสูงสุดในคดีนี้พนักงานอัยการ เมื่อสั่งฟ้องเเล้วเป็นการใช้ดุลพินิจตามขั้นตอนกฎหมายที่เมื่อสั่งเเล้วให้เป็นคำสั่งที่มีกฎหมายรองรับก็ต้องนำตัวมาฟ้อง ส่วนเรื่องร้องขอความเป็นธรรมคนละประเด็นกัน เพราะคำฟ้องใดที่ยังไม่มีการเเก้ไขเปลี่ยนเเปลงก็ยังดำรงคงอยู่ การจะเปลี่ยนเเปลงโดยมีเหตุร้องขอความเป็นธรรมเช่น เเม้อยู่ในชั้นศาลเเล้วเมื่อร้องขอความเป็นธรรมก็อาจจะเปลี่ยนเเปลงได้ เช่นเป็นคู่เเฝดเเล้วฟ้องผิดตัว เราก็ต้องให้ความเป็นธรรม"
"ประเด็นร้องขอความเป็นธรรมไม่มีผลเปลี่ยนเเปลงคำสั่งเว้นเเต่มีข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาต้องดูเป็นเรื่องๆ ไม่ใช่เป็นการเปิดช่องให้นายทักษิณ เรื่องนี้เป็นหลักกฎหมายทั่วไปที่ใช้กับทุกคนไม่ได้เจาะจงเพื่อใครคนหนึ่ง เรื่องนี้มีทั้งดุลพินิจของอัยการสูงสุดและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดถ้าเป็นการประวิงคดีจะไม่พิจารณา เเต่อย่างใดเรียกว่าประวิงคดีนั้นก็จะดูเเต่ละเรื่องเป็นครั้งๆไป” โฆษกอัยการระบุ
อ่านเรื่องประกอบ :
- เส้นทาง คดี ม.112 - ข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ 'ทักษิณ' (เหตุเกิดที่กรุงโซล) ก่อน อสส. สั่งฟ้อง
- อสส.สั่งฟ้องทักษิณผิดคดี ม.112 พ่วงข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ นัด 18 มิ.ย.นำตัวส่งศาล