ปิดรับสมัครผู้ว่ารถไฟ ส่องแคนดิเดต 4 รายชื่อ พบ ‘เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย’ มือบริหารวอยซ์ทีวี อดีตบอร์ดทอท.ร่วมชิงชัย ‘วีริศ’ ผู้ว่ากนอ.แต่งตั้งสมัย ‘สุริยะ’ มาตามคาด คนในมีรอง ‘อวิรุทธ์’ ร่วมแข่งขัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)โดยคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) และกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2567 และสิ้นสุดในวันที่ 28 พ.ค. 2567 ปรากฎว่า มีผู้ยื่นสมัคร จำนวน 4 ราย ได้แก่
1.นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด และเคยเป็นอดีต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยุครัฐบาลไทยรักไทย
2.นายอภิชัย นิมจิรวัฒน์ กรรมการ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AIT)
3. นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นคนในรฟท.ที่ร่วมลงชิงเก้าอี้
4. นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งเป็นผู้ที่มีกระแสข่าว ว่าจะข้ามห้วยมานั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯรฟท. ตั้งแต่แรก เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯกนอ.สมัยที่ นายสุริยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการหกระทรวงอุตสาหกรรม อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย
แหล่งข่าวจากรฟท.ระบุว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า การมีผู้สมัครที่มีสายสัมพันธ์กับ ฝ่ายการเมืองเพื่อไทย ถึง 2 คน คือ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย และ นายวีริศ อัมระปาล ซึ่งก่อนหน้านี้ ดูจะเคยขัดแย้งกันตั้งแต่ครั้งแต่งตั้งบอร์ดทอท. ที่ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยเคยส่ง นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ชิงเก้าอี้ประธานบอร์ดมาแล้วแต่ต้องพ่ายให้กับ ฝ่ายนายสุริยะ ที่ส่ง พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ นั่งเก้าอี้ประธาน บอร์ดทอท.ได้สำเร็จ
การสรรหาบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยคุณสมบัติของผู้ว่าฯ มีดังนี้ คุณสมบัติทั่วไป
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร
3. สามารถทำงานให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เต็มเวลา
4. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟ้่นเฟือนไม่สมประกอบ
5. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
6. ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
7. ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะรํ่ารวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
8. ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
9. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
10. ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่
11. ไม่เป็นหรือภายในระยะเวลา 3 ปีก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมทุน หรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย เว้นแต่การเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าวโดยการมอบหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย
12. ไม่ประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นกรรมการของบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ประกอบกิจการอันมืสภาพอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะทำเพื่อประโยชน์ตนหรือประโยชน์ผู้อื่น หรือมีส่วนได้เสียในสัญญากับการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เว้นแต่เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเช่นว่านั้นโดยสุจริต และได้แจ้งให้คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยทราบก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย
13. ไม่เป็นกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย เว้นแต่เป็นผู้บริหารซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
1. มีคุณวุฒิการศึกษาไม่ตํ่ากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถานศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับรอง
2. เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในด้านการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ดังนี้
- กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ตํ่ากว่าระดับรองผู้บริหารระดับสูงสุดของหน่วยงานที่มีรายไดไม่ตํ่ากว่า 7,000 ล้านบาท/ปี
- กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐต้องดำรงตำแหน่งไม่ตํ่ากว่ารองอธิบดี หรือรองหัวหน้าส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่เทียบเท่ารองอธิบดี
- กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กร ที่มีรายได้ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท/ปี
3. มีความรู้และจัดเจนเกี่ยวกับการรถไฟ การขนส่ง วิศวกรรม พาณิชยกรรม การเศรษฐกิจ หรือการเงิน
4. มีวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนากิจการรถไฟ และการบริหารสินทรัพย์ให้เจริญก้าวหน้า มีความทันสมัย สามารถตอบสนองความต้องการขนส่งระบบรางทั้งภายในและระหว่างประเทศเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก ตรงต่อเวลา และปลอดภัย รวมถึงมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการบริหารจัดการและกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร
5. มีแนวคิดในการจัดโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ให้สามารถปฏิบัติงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพและให้เกิดประสิทธิผล มีคุณธรรม และจริยธรรมของนักบริหาร และมีประสบการณ์และแนวคิดในการบริหารบุคลากรในองค์กรขนาดใหญ่
6. มีบุคลิกภาพดี มีภาวะผู้นำ มีความรอบรู้ ไหวพริบ ปฏิภาณและมีความสามารถสูงในการตัดสินใจ สั่งการ และบริหารตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ มีมนุษยสัมพันธ์อันดี สามารถติดต่อประสานงานได้ดีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ