ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 'กุลยา ตันติเตมิท' อธิบดีสรรพากรหญิงคนแรก มีทรัพย์สินกว่า 262 ล. เงินฝาก 37 ล. ที่ดิน 2 แปลง 26 ล. รถยนต์เบนซ์ 1 คัน รายได้ 13 ล./ปี สามีมีเงินลงทุน 156 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ของ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท กรณีเข้ารับตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567
โดย น.ส.กุลยา พร้อมด้วย Mr. Douglas Howard Webb สัญชาติ อเมริกัน คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 262,090,200 บาท ไร้หนี้สิน
น.ส.กุลยา แจ้งมีทรัพย์สิน 91,279,580 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 37,070,920 บาท ทั้งหมด 7 บัญชี เงินลงทุน 16,876,879 บาท เช่น กองทุนเปิด พันธบัตร หุ้นกู้ เป็นต้น
ที่ดิน 2 แปลง 26,000,000 บาท ใน จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 7,000,000 บาท เป็นห้องชุด 1 ห้องในเขตพญาไท กรุงเทพฯ
ยานพาหนะ 2,800,000 บาท เป็นรถยนต์ 1 คัน ยีห้อ Mercedes Benz รุ่น E300e และสิทธิและสัมปทาน 1,531,781 บาท เป็นกองทุนข้าราชการ และกรมธรรม์ประกันชีวิต
ส่วน Mr. Douglas แจ้งมีทรัพย์สิน 170,810,619 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 11,654,597 บาท ทั้งหมด 3 บัญชี
เงินลงทุน 156,634,664 บาท โดยลงทุนใน Fidelity Investment (ฟิเดลลิตี้ อินเวสท์เมนต์) และยานพาหนะ 800,000 บาท เป็นรถยนต์ 1 คัน ยีห้อ ฮอนด้าแอคคอร์ต
และสิทธิและสัมปทาน 1,721,357 บาท เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันสังคม
ทั้งนี้ น.ส.กุลยา แจ้งมีรายได้ต่อปี 13,581,437 บาท เป็นเงินเดือน 2,746,917 บาท เบี้ยประชุม/โบนัส/บำเหน็จ 10,578,570 บาท และดอกเบี้ย 255,949 บาท รายจ่ายต่อปี 6,391,180 บาท
ส่วน Mr. Douglas แจ้งมีรายได้ต่อปี 5,748,658 บาท เป็นเงินเดือนทั้งหมด รายจ่ายต่อปี 3,085,717 บาท
น.ส.กุลยา แจ้งยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา เงินได้พึงประเมิน ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 40 (1)-(8) จำนวน 13,325,487 บาท
ส่วน Mr. Douglas แจ้งยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา เงินได้พึงประเมิน ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 40 (1)-(8) จำนวน 5,748,658 บาท
สำหรับ น.ส.กุลยา เป็นอธิบดีหญิงคนแรกของกรมสรรพากร และเคยดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมบัญชีกลาง ระหว่างปี 2564 -2566 ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ระหว่างปี 2563 -2564 และกรรมการบริหาร กลุ่มธนาคารโลก ระหว่างปี 2561 -2563