ปธ.สหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโกสุมพิสัย โร่แจ้งความถูกปลอมลายมือร่วมโครงการวิจัย มรภ.สารคาม ก่อนโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษี 27 ล้าน หลังมีรายได้เข้า 279 ล้าน ทั้งที่ไม่เคยทราบเรื่อง
การดำเนินงานโครงการวิจัยและพัฒนาการสร้างอาชีพสร้างรายได้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากจากผลกระทบการระบาดโรคโควิด -19 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม กำลังถูกจับตามองมากขึ้น
เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ว่า ในช่วงเดือนก.พ.2567 ประธานสหกรณ์การเกษตรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโกสุมพิสัย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจโกสุมพิสัยว่า ถูกกรรมการสหกรณ์รายหนึ่ง ปลอมแปลงลายมือเข้าทำสัญญาร่วมโครงการวิจัยฯ ดังกล่าว
หลังจากนั้น สหกรณ์ฯ ได้ถูกกรมสรรพากร ประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,456,872.61 บาท เนื่องจากมีรายได้จากการเข้าร่วมโครการฯ นี้ประมาณ 279,570,623 บาท ทั้งที่ สหกรณ์ฯ ไม่เคยรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าร่วมโครงการฯ นี้ แต่อย่างใด
แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการวิจัยฯ ดังกล่าว มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม มีการคัดเลือกสหกรณ์แห่งนี้ เข้ามาเป็นคู่สัญญา เพื่อหาสินค้ามาให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อนำไปใช้ดำเนินงานในโครงการฯ ในสัญญากำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงิน ให้สหกรณ์หักเงินไว้ 1 % ในการรับเงินค่าสินค้าทุกครั้งเพื่อเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ในทางปฏิบัติสหกรณ์ฯ กลับไม่ได้มีการหักเงินเอาไว้ เมื่อถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี จึงทำให้เรื่องนี้แดงออกมา
ขณะที่ พ.ต.ท.ฐากร บุ้งทอง รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโกสุมพิสัย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา ว่า ประธานสหกรณ์การเกษตรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโกสุมพิสัย ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์คดีปลอมแปลงลายมือดังกล่าวจริง ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมถึงประสานงานไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม เพื่อขอเอกสารมาตรวจสอบเพิ่มเติม คงต้องรอความความชัดเจนก่อน ถึงจะสามารถให้ข้อมูลได้
อ่านประกอบ: