ปปง.ยึดเงินฝาก 4 บัญชี 2.1 ล.คดี ‘ชัชชญา แนวถาวร’ กับพวก หลอกฝากเข้างานหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 กองบัญชาการกองทัพไทย-กฟภ.เพชรบูรณ์ ผู้เสียหาย 2 รายหลงเชื่อ จ่าย 4.4 ล. ก่อนรู้ เข้าแจ้งความ ตร.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ฐานฉ้อโกง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ย. 43 /2567เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวราย นางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยการแสดงตนว่าเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือให้ผู้อื่นสามารถเข้าทำงานในหน่วยงานราชการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้เสียหาย 2 รายหลงเชื่อจ่ายเงิน ประมาณ 4,473,590.00 บาท ปปง.อายัดเงินฝาก 4 บัญชี รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2,154,253.36 บาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน มีรายละเอียดดังนี้
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน (สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก ต้ามหนังสือที่ ตช 002 1 (พช).2/3251 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน กล่าวคือ
เมื่อประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 นางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก ได้หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยการแสดงตนว่าเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือให้ผู้อื่นสามารถเข้าทำงานในหน่วยงานราชการได้ซึ่งในคดีนี้ได้หลอกลวงนางสาวรัตนากร ทองหล่อ ว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้าทำงานที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก ได้รับคำร้องทุกข์ ไว้เป็นคดีอาญาที่ 179/2565 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบ แต่งเครื่องแบบเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ และนางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก ได้หลอกลวงนางสาวจันทิมา สีหานนท์ ว่าสามารถช่วยเหลือให้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบูรณ์ ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 256/2564 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อนางสาวรัตนากร ทองหล่อ และนางสาวจันทิมา สีหานนท์ หลงเชื่อตามที่กล่าวอ้างนั้น จึงได้มอบเงินให้กับนางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก ตามที่ได้เรียกรับ โดยอ้างว่าเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อนางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก ได้รับเงินแล้วได้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารอื่น ๆ และได้มีการโอนเงินต่อไปเป็นทอด ๆ โดยพบความเสียหาย รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,473,590.00 บาท ต่อมาสถานีตำรวจภูธรหล่มสัก ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 373/2564 และพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง 1) นางสาวชัชชญา แนวถาวร 2) นางสาวมณีรัตน์ ดวงดาว และ 3) นายมนตรี ทรัพย์ปีติ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวชัชชญา แนวถาวร กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทความผิดดังกล่าว
คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน จำนวน 4 รายการ ได้แก่
- เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขา เพชรบูรณ์ ชื่อบัญชี นางสาวชนาภรณ์ แนวถาวร ยอดเงินคงเหลือ 16.54 บาท ณ วันที่ 9 มกราคม 2567
- เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขา เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชื่อบัญชี นางสาวมณีรัตน์ ดวงดาว ยอดเงินคงเหลือ 292,478.64 บาท (สองแสนเก้าหมื่นสองพันสี่ร้อยเจ็ดสิบแปดบาทหกสิบสี่สตางค์) ณ วันที่ 9 มกราคม 2567
- เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขา ซีคอนสแควร์ ชื่อบัญชี นางสาวมณีรัตน์ ดวงดาว ยอดเงินคงเหลือ 748,231.86 บาท (เจ็ดแสนสี่หมื่นแปดพันสองร้อยสามสิบเอ็ดบาทแปดสิบหกสตางค์) ณ วันที่ 9 มกราคม 2567
- เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขา แฟชั่นไฮส์แลนด์ ชื่อบัญชี นายมนตรี ทรัพย์ปีติ ยอดเงินคงเหลือ 1,113,526.32 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยยี่สิบหกบาทสามสิบสองสตางค์) ณ วันที่ 9 มกราคม 2567
รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2,154,253.36 บาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ คือ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2567
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย