ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สาโรจน์ ใจมุข' อดีตผู้อำนวยการ รพ.ทองแสนขัน อุตรดิตถ์ สั่งยาแก้หวัดผสมสารซูโดอีเฟดรีนมิชอบ-เบียดบังยาเวชภัณฑ์โดยทุจริต ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุกพร้อมพวก 1 ราย คนละ 111 ปี 148 เดือน แต่ติดจริง 50 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสาโรจน์ ใจมุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ กับพวก คือ นายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน สั่งยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนโดยมิชอบ และ/หรือ เบียดบังยาหรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์โดยทุจริต ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้ความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 ประกอบมาตรา 83 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา (อิศรา: ซูโดอีเฟดรีน เป็นสารเอมีนชนิดซิมพาเทติก มักใช้เพื่อลดอาการคัดจมูกในประเทศไทย จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่นเดียวกับยาเสพติดประเภทอื่นๆ)
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาว่า นายสาโรจน์ ใจมุข จำเลยที่ 1 และ นายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 151
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91
จำคุกจำเลยทั้งสอง กระทงละ 5 ปี รวม 37 กระทง เป็นจำคุกคนละ 185 ปี
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามมาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสาม
คงจำคุก จำเลยทั้งสองกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 37 กระทง เป็นจำคุกคนละ 111 ปี 148 เดือน
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 50 ปี ตามมาตรา 91 (3)
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน
- ไม่รอลงอาญา! คุก 10 ปี 'เกษม กลั่นยิ่ง' อดีตปธ.ช.พ.ค. คดีทุจริตลงทุนพลังงานไฟฟ้าขยะชุมชน
- พิพากษากลับ! ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก 2 ปี 'ไพโรจน์' อดีตเลขาฯ สปส. คดีคอมพ์ฉาว 2.8 พันล.