‘ศาลอุทธรณ์’ พิพากษาจำคุก 20 เดือน คดีหลอกลวงประชาชนลงทุนหุ้น ‘บลูชิป’ สหรัฐฯ ผ่านบริษัท Financial.org อ้างจ่ายผลตอบแทนเดือนละ 8% สุดท้ายไม่ได้นำเงินไปลงทุนจริง เสียหายกว่า 1.4 ล้านบาท
............................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในช่วงเดือน ส.ค.2566 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ประชาชนรายหนึ่ง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นาง อ. ซึ่งเป็นนักลงทุนอิสระ (จำเลย) ในคดีฉ้อโกง เนื่องจากจำเลย มีพฤติการณ์หลอกลวงโจทก์ให้เข้าร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัท Financial.org จำกัด อันมีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินนับล้านบาท
โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำหลายกรรมหลายความผิด ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน จำเลยมีความผิด 5 กระทง เป็นจำคุก 30 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 20 เดือน
“...เห็นว่า การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงจะต้องได้ความว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่แรกหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และการหลอกลวงดังว่ามานั้นได้ไปซึ่งเงินของโจทก์ คดีนี้จึงจำต้องวินิจฉัยให้ได้ความก่อนว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่แรกหลอกลวงโจทก์ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งหรือไม่
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรู้ว่าบริษัท Financial.org จำกัด ไม่ได้มีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย การที่จำเลยแจ้งกับโจทก์ว่า บริษัท Financial.org จำกัด เป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย และโจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชีจำเลยกับพวก รวม 7 ครั้ง เป็นเงินรวมจำนวน 1,470,850 บาท ตามสำเนารายการเดินบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เอกสารหมาย จ.3, จ.7 และ จ.10 แต่จำเลยไม่ได้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนโอนให้บริษัท Financial.org จำกัด ตามที่แจ้งกับโจทก์ จึงเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรบอกให้ทราบ
เห็นว่า โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยแจ้งกับโจทก์ว่าจำเลยเป็นตัวแทน บริษัท Financial.org จำกัด จำเลยชักชวนหลอกลวงว่า บริษัท Financial.org จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทดังกล่าวจะนำเงินของผู้ลงทุนมาลงทุน โดยให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ใช้วิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือ Al trad มาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง หรือ หุ้นบลูชิป (Blue Chip Stock) ของประเทศสหรัฐอเมริกา การลงทุนต้องลงทุนอย่างน้อย 10,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 1 พอร์ตการลงทุน ตามเงื่อนไขซึ่งทางบริษัทตั้งขึ้นเอง โดยบริษัท Financial.org จำกัด จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน ร้อยละ 8 ต่อเดือน พร้อมทั้งคืนเงินลงทุนให้
ต่อมาโจทก์ไม่สามารถติดต่อจำเลยได้ จึงตรวจสอบข้อมูลที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) พบว่า บริษัท Financial.org จำกัด ที่จำเลยกล่าวอ้าง ไม่ได้มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามเอกสารการตรวจสอบหมายเลข จ.8 และจากการตรวจสอบที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้รับแจ้งว่า ไม่ปรากฏชื่อบริษัท Financial.org จำกัด ในนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด และทะเบียนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามหนังสือกองธุรกิจข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเอกสารหมาย จ.13
สอดคล้องกับคำเบิกความของผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาด สำนักงาน ก.ล.ต. รับผิดชอบดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เบิกความว่า สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่ดูแลการออกและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และการออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท Financial.org จำกัด ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. สินทรัพย์ Foin ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกและเสนอขาย หากมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัล Foin ออกเสนอขายจะถือว่าไม่ถูกต้องตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
และตอบถามค้านทนายจำเลยว่า สำนักงาน ก.ล.ต ไม่ทราบว่าบริษัท Financial.org จำกัด ตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ พยานไม่มีข้อมูลของบริษัทดังกล่าว พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ประกาศใช้ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ในกรณีที่เป็นบริษัทต่างประเทศหากมีการให้บริการกับคนไทย ก็ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต
ประกอบกับข้อเท็จจริงยังได้ความตามทางนำสืบของโจทก์อีกว่า วันที่ 10 เมษายน 2561 โจทก์ฝากเงินเข้าบัญชี ของจำเลย บัญชีธนาคาร....จำนวน 370,000 บาท ตามสำเนาใบรับรองรายการเอกสารหมาย จ.1 วันที่ 21 มิถุนายน 2561 โจทก์ฝากเงินเข้าบัญชีของจำเลย บัญชีธนาคาร...จำนวน 259,000 บาท ตามสำเนาใบรับรองรายการเอกสารหมาย จ.2 วันที่ 25 มิถุนายน 2561 โจทก์ฝากเงินเข้าบัญชีของจำเลย บัญชีธนาคาร...จำนวน 80,850 บาท ตามสำเนาใบรับรองรายการเอกสารหมาย จ.4
วันที่ 10 ตุลาคม 2561 โจทก์ฝากเงินเข้าบัญชีของจำเลย บัญชีธนาคาร...จำนวน 50,000 บาท วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 โจทก์โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลย บัญชีธนาคาร...จำนวน 30,000 บาท ตามหลักฐานการโอนเงินเอกสารหมาย จ.5 วันที่ 11 ธันวาคม 2562 โจทก์โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากพวกของจำเลย บัญชีธนาคาร...จำนวน 15,000 บาท ตามหลักฐานการโอนเงินเอกสารหมาย จ.6
ส่วนวันที่ 22 มิถุนายน 2561 โจทก์โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากพวกของจำเลย บัญชีธนาคาร…จำนวน 666,000 บาท ตามรายการเดินบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เอกสารหมาย จ.3 และ จ.7 รวมเป็นเงินที่โจทก์โอนให้จำเลยกับพวก 1,470,850 บาท จำเลยไม่ได้นำเงินที่โจทก์โอนให้จำเลยกับพวกดังกล่าวโอนไปลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด ตามที่แจ้งกับโจทก์
สอดคล้องกับคำเบิกความของนาย ท. พนักงานธนาคาร... เบิกความว่า ตามสำเนาแบบคำขอเปิดบัญชีและขอใช้บริการเอกสารหมาย จ.10 เป็นบัญชีของจำเลยที่เปิดกับธนาคาร...เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.6 เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลย โดยไม่มีรายการใดในเอกสารที่มีการโอนเงินไปที่บริษัท Financial.org จำกัด หรือมีการโอนเงินไปต่างประเทศ
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นว่า นอกจากโจทก์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความเป็นพยานแล้ว ยังมี นายสรร และนาย ท. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีส่วนได้เสีย ทั้งไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน คำเบิกความของบุคคลทั้งสองดังกล่าวจึงมีความน่าเชื่อถือให้รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย คำเบิกความของ นายสรร และนาย ท. ประกอบคำเบิกความของโจทก์ซึ่งเบิกความสอดคล้องต้องกัน
จึงน่าเชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดมาหักล้างแสดงได้ว่า เงินที่โจทก์มอบให้จำเลยทั้งหมด จำเลยได้นำไปลงทุนในบริษัท Financial.org จำกัด หรือนำไปลงทุนเงินดิจิทัลชื่อว่า ฟอย (Foin)
ส่วนบุคคลที่จำเลยอ้างว่า ได้มีการโอนเงินของโจทก์เพื่อซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ แล้วนำเงินมาลงทุน จำเลยก็มิได้นำบุคคลดังกล่าวมาเบิกความเพื่อยืนยันตามที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างใด จำเลยมีเพียง นางสาว ท. และ นาง ภ. มาเบิกความเพียงว่า เคยลงทุนกับจำเลยและได้รับเงินตอบแทน พยานทั้งสองคนเป็นเพื่อนกับจำเลยมากว่า 10 ปี จึงมีความสนิทสนมกัน น่าเชื่อว่าจะเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลย พยานทั้งสอง จึงไม่มีความน่าเชื่อถือให้รับฟังได้
ส่วนกรณีที่จำเลย จ่ายเงินตอบแทนให้โจทก์เพียงบางส่วน หลังจากนั้นจำเลยไม่ยอมจ่ายอีก โดยจำเลยแจ้งว่าบริษัท Financial.org จำกัด ได้แปลงเงินลงทุนของโจทก์เป็นเงินดิจิทัล Foin และนำ Foin เข้าสู่ตลาด แต่ปรากฏว่า Foin มีมูลค่าเพียงประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดภาวะขาดทุน และที่จำเลยอ้างว่าได้นำเงินที่โจทก์โอนให้เปลี่ยนเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และเปิดบัญชีลงทุนให้โจทก์กับบริษัท Financial ore จำกัด จำเลยจะส่งหลักฐานให้โจทก์ทุกครั้ง
แต่จากทางนำสืบของจำเลย ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้นำเงินไปลงทุนในบริษัท Financial.org จำกัด หรือนำไปลงทุนเงินดิจิทัลชื่อว่า ฟอย (Foin) หรือเงินที่โจทก์นำไปลงทุนนั้น เกิดภาวะขาดทุนจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่กลับได้ความตามทางนำสืบของโจทก์ว่า เงินที่โจทก์โอนให้จำเลยไม่ได้มีการโอนไปยังบริษัท Financial.org จำกัด ข้ออ้างของจำเลยจึงเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้
ส่วนที่จำเลยอ้างว่า บริษัทส่งไอดีให้โจทก์เพื่อเปิดบัญชี โจทก์ได้รับเงินปันผลครั้งแรกจำนวน 1,656.90 ดอลลาร์สหรัฐไว้แล้ว โจทก์เบิกความยืนยันว่า จำเลยโอนเงินปันผลให้โจทก็เพียงบางส่วน หลังจากนั้นไม่ได้โอนเงินปันผลให้อีก อ้างว่าประสบภาวะขาดทุน การที่จำเลยจ่ายเงินปันผลให้โจทก์บางส่วนหลังจากนั้นไม่จ่ายเงินปันผลให้อีก โดยอ้างว่าขาดทุน
เห็นว่า การจ่ายเงินดังกล่าวเป็นเพียงอุบายทุจริต เพื่อหลอกลวงโจทก์ให้หลงเชื่อ โดยข้อเท็จจริงได้ความว่าหลังจากโจทก์ได้รับเงินปันผลบางส่วน จำเลยยังให้โจทก็โอนเงินเข้าบัญชีจำเลยอีก ดังนั้น การที่โจทก์ใด้รับเงินปันผลดังกล่าวจึงมิได้เป็นหลักฐานยืนยันให้รับฟังได้ว่าจำเลยได้นำเงินของโจทก์ไปลงทุนจริงตามที่จำเลยชักชวน และมิได้เป็นการยืนยันว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตหลอกลวงโจทก์แต่ประการใด
ส่วนปัญหาว่าจำเลยได้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุน โดยศึกษาการลงทุนและเงื่อนไขการลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด ตามเอกสารหมาย ล.15 ถึง ล.18 จำเลยจึงเข้าใจว่า บริษัทบริษัทดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยจะทราบข้อเท็จจริงหรือไม่ว่า บริษัท Financial.org จำกัด ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย
และไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต ให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการออกเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ประกาศใช้ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ตามเอกสารการตรวจสอบและหนังสือกองข้อมูลธุรกิจเอกสาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหมาย จ.8 และ จ.13 ในขณะที่มาชักชวนให้โจทก์ลงทุน จำเลยและบุตรชายทั้งสองคนร่วมลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด
เห็นว่า การที่ บริษัท Financial.org จำกัด จะได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยหรือไม่ หรือบริษัทFinancial.org จำกัด จะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการ ออกเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 หรือไม่นั้น มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่จะบ่งชี้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริต เพราะการที่จำเลยชักชวนโจทก์ให้โอนเงินร่วมลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด
และโจทก์ได้โอนเงินให้จำเลยตามที่จำเลยชักชวนแล้ว แต่จำเลยกลับไม่นำเงินดังกล่าวไปลงทุนตามที่แจ้งกับโจทก์ โดยจำเลยมิได้มีหลักฐานมายืนยันให้เห็นว่า ได้นำเงินที่โจทก์โอนให้ไปลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด จริง และการที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน เมื่อจำเลยแจ้งว่าได้นำเงินไปลงทุนแล้ว ก็มิใช่เป็นสิ่งที่จะฟังได้ว่า จำเลยได้โอนเงินไปลงทุนกับบริษัท Financial.org จำกัด ตามที่จำเลยชักชวนโจทก์
นอกจากนี้ ในส่วนของเงิน จำนวน 666,000 บาท ที่โจทก์โอนไปยังบัญชีของ MS.H. ตามรายการเดินบัญชีเอกสารหมาย จ.3 และเอกสารหมาย จ.7 แต่ไม่พบว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปลงทุนแต่อย่างใด โจทก์เบิกความว่า เหตุที่โอนไปบัญชีของบุคคลดังกล่าว เนื่องจากจำเลยแจ้งว่าให้ติดต่อบุคคลชื่อฝ้าย จากนั้นบุคคลชื่อฝ้ายแจ้งให้โจทก์โอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าว
เห็นว่า ตามรายการเดินบัญชีเอกสารหมาย จ.3 และ จ.7 แสดงให้เห็นว่า โจทก์ได้โอนเงินไปยังบัญชีของ MS.H. จริง จำเลยนำสืบเพียงว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่า MS.H. เป็นใคร เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ไม่มีเหตุผลใดอันจะแสดงให้น่าเชื่อว่าโจทก์จะโอนเงินจำนวนถึง 666,000 บาท ให้บัญชีของ MS.H. เพื่อนำเงินไปลงทุนโดยที่โจทก์ไม่ได้รู้จักมาก่อน
จึงน่าเชื่อว่าโจทก์โอนเงินเข้าบัญชีของ MS.H. เนื่องมาจากจำเลยแจ้งให้ติดต่อคนชื่อฝ้าย และบุคคลดังกล่าวแจ้งให้โจทก์โอนเงินเข้าบัญชี MS.H. เพื่อนำเงินไปลงทุนตามที่จำเลยชักชวน จำเลยกล่าวอ้างเพียงลอยๆ พยานโจทก์ในส่วนนี้จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าโจทก์ได้โอนเงินจำนวน 666,000 บาท ให้พวกของจำเลย โดยจำเลยรับรู้และมีส่วนร่วมด้วย
ดังนั้น เมื่อพิจารณาพฤติการณ์การกระทำของจำเลยแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์มีทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลเบิกความสอดคล้องเป็นเหตุเป็นผลปราศจากข้อสงสัย ส่วนจำเลยแม้จะมีพยานบุคคล แต่ไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง จำเลยมิได้นำพยานมาสืบ เพื่อยืนยันข้ออ้างของจำเลยว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยอ้างแต่ประการใด
ข้อเท็จจริง จึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงโจทก์มาตั้งแต่แรก ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้โจทก์ทราบแล้ว และจากการหลอกลวงโจทก์ จำเลยกับพวกได้เงินโจทก์ไปจำนวน 1,470,850 บาท
การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ 1.1 ถึงข้อ 1.5 จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
ปัญหาอื่นตามอุทธรณ์ของโจทก์ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ อีกทั้งไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับวินิจฉัยให้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 4 และ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำหลายกรรมหลายความผิดให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษจำคุก กระทงละ 6 เดือน จำเลยกระทำความผิดรวม 5 กระทง เป็นจำคุก 30 เดือน จำเลยให้การเป็นประยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 20 เดือน...” คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯ ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีนี้ จำเลยยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา