‘ศาลฯชั้นต้น’ พิพากษาจำคุก 2 ปี ‘2 จำเลย’ คดีฉ้อโกงลูกบ้านโครงการห้องชุดหรู ในพื้นที่ ‘เขาใหญ่’ จ.นครราชสีมา พร้อมสั่งปรับ 'บริษัทฯเจ้าของโครงการฯ' 6.6 หมื่นบาท ด้าน ทนายฯเตรียมยื่นอุทธรณ์ฯ
.....................................
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อปี 2565 ได้มีผู้บริโภค ซึ่งเป็นลูกบ้านโครงการห้องชุดหรูที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องบริษัทเจ้าของโครงการฯ กับพวก รวม 3 ราย (จำเลยที่ 1-3) ต่อศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง ,ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีโฆษณาขายห้องชุดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้โจทก์หลงเชื่อซื้อห้องชุด โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชนทั่วไป นั้น
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษาในคดีนี้ โดยศาลฯพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ,343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นกรรมเดียวกัน เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชน
อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 100,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำหนดคนละ 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้ง 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละ 1 ใน 3 คงโทษปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 66,666.67 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 2 ปี
“…เมื่อจำเลยทั้งสามประกาศโฆษณาผ่านสื่อสาธารณะว่า โครงการ... มีพื้นที่ 200 ไร่ ประกอบด้วย ทะเลสาบ 7 แห่ง ต้นไม้นานาพรรณกว่า 40,000 ต้น ปลาคาร์ฟ กว่า 50,000 ตัว ภายในโครงการเดียว แต่กลับระบุในบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดเอกสารหมาย จ.4 ว่า ที่ดินทะเลสาบเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ถนนและต้นไม้รอบทะเลสาบ ไม่เป็นทรัพย์สินส่วนกลาง .... ทั้งนี้ ผู้จะขายอนุญาตให้ผู้จะซื้อใช้ประโยชน์เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายได้
หรือระบุในแผ่นพับโฆษณาเอกสารหมาย ล.3 แผ่นที่ 6 ว่า โครงการมีพื้นที่ 68 ไร่ นอกจากไม่มีน้ำหนักทำลายพยานหลักฐานโจทก์แล้ว ยังบ่งชี้ให้เห็นว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้มีเจตนาจัดสร้างอาคารชุดโครงการ... เพียงโครงการเดียวในพื้นที่ 200 ไร่ และไม่มีเจตนาโอนที่ดินที่เป็นที่ตั้งโครงการอาคารชุด เพื่อให้มีพื้นที่ส่วนกลาง 200 ไร่ มาตั้งแต่ต้น
กรณีจึงเป็นการหลอกลวงและปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งควรบอกให้รู้แจ้งแก่ประชาชนว่า บนพื้นที่ 200 ไร่ จะมีโครงการอาคารชุดโครงการ... ส่วนหนึ่ง และโครงการโรงแรมและสิ่งปลูกสร้างอื่นในอนาคต อันเป็นข้อเท็จจริงซึ่งควรบอกให้รู้แจ้ง เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อซื้ออาคารชุดของจำเลยทั้งสาม อันเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง
และเมื่อจำเลยทั้งสาม ร่วมกันประกาศผ่านสื่อสาธารณะ ยูทูป เฟซบุ๊ก และสื่อสถานีโทรทัศน์อื่น ภาพถ่ายโฆษณา โครงการ... ในเฟซบุ๊กเอกสารหมาย จ.2 และจำเลยที่ 2 และที่ 3 จัดทำรายการสื่อโทรทัศน์รายการ... ตามภาพถ่ายหมาย ล.2 และรายการวิดีโอคลิปชื่อว่า Q&A ตามวัตถุพยานหมาย วจ.1 ด้วยข้อความที่ปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้รู้แจ้งให้แก่บุคคลกว่าสิบคนขึ้นไป
กรณีจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และเป็นการร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันบิดเบือนและเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อีกกระทงหนึ่ง
พิพากษาว่าจำเลยทั้งสาม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ,343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 100,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละหนึ่งในสาม คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 66,666.67 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 2 ปี กรณีไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30” ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาฯระบุ
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้ ล่าสุดทนายของจำเลยทั้ง 3 เตรียมยื่นอุทธรณ์คดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขยายอุทธรณ์
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังบริษัทเจ้าของโครงการฯ ผ่านสำนักงานขายโครงการฯ ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฎบนหน้าเพจของโครงการฯ ขอให้ประสานไปยังบริษัทเจ้าของโครงการฯ เพื่อขอทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้ รวมทั้งสอบถามว่าบริษัทฯหรือทีมทนายความของบริษัทฯ จะมีข้อชี้แจงในคดีนี้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายฯได้รับเรื่องไว้ และบอกจะติดต่อกลับ
แต่เจ้าหน้าที่ฯไม่มีการติดต่อกลับอย่างใด ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องนี้อีกครั้ง และได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ที่รับสายว่า ทางสำนักงานขายฯได้แจ้งเรื่องไปให้บริษัทฯรับทราบแล้ว แต่บริษัทฯยังไม่มีการตอบกลับมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่า จะแจ้งให้ผู้จัดการฯรับทราบ เพื่อให้ประสานงานกับบริษัทหรือทีมทนายอีกทางหนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับคดีฉ้อโกงลูกบ้านห้องชุดหรูในพื้นที่เขาใหญ่ ซึ่งศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษาไปแล้วนั้น เป็น 1 ใน 13 คดี ที่ลูกบ้านของโครงการฯ ได้ยื่นฟ้องบริษัทเจ้าของโครงการฯกับพวก โดยในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.2567 ศาลฯมีกำหนดนัดฟังคำพิพกาษารวม 7 คดี เช่น คดีแรก นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.พ.2567 ,คดีที่สอง ฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มี.ค.2567 และมี 4 คดี ที่นัดฟังคำพิพากษาพร้อมกันในวันที่ 22 มี.ค.2567