'สิงห์ชัย ทนินซ้อน' อดีต อสส. ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ 'นารี ตัณฑเสถียร- ศักดา ช่วงรังษี' กรณีสั่งสอบ-เสนอลงโทษวินัยคดีรุกป่า 6 พันไร่ อ้างโดนมุ่งตรวจสอบสำนวนคดีที่มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดช่วงเป็น อสส. ได้รับความเสียหาย ถูกเข้าใจใช้อำนาจสั่งคดีโดยมิชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2567 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้อง นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อดีต อสส. และนายศักดา ช่วงรังษี รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก บุกรุกยึดครองหรือทำประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนฯกว่า 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ข่าวแจ้งว่า นายสิงห์ชัย ในฐานะโจทก์กล่าวอ้างว่า การยื่นฟ้องคดีนี้ เป็นผลมาจาก น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อดีต อสส.มีคำสั่งสำนักงาน อสส. ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวสารและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสูงสุด จำนวน 5 คณะทำงาน ได้แก่ คณะทำงานที่ 1 คดีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ คดีเผาสวนงูภูเก็ต , คณะทำงานที่ 2 คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คณะทำงานที่ 3 คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก , คณะทำงานที่ 4 คดีมาวินเบต ดอทคอม และคณะทำงานที่ 5 คดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด
โดยคดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก และคดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด เป็นคดีที่นายสิงห์ชัย โจทก์ ในฐานะอสส. มีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องตามความเห็นแย้ง ส่วนคดีมาวินเบต ดอทคอม เป็นคดีที่นายสิงห์ชัย มีคำสั่งไม่ฟ้องกรณีความผิดนอกราชอาณาจักร เป็นคดีที่โจทก์ใช้ดุลยพินิจสั่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 248 และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145 มาตรา 145 /1 และมาตรา 20 คดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ขณะที่การสั่งคดียังได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 248 พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง ด้วย และไม่ปรากฎว่า น.ส.นารี มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการสั่งคดีในคดีอื่นๆ ของนายสิงห์ชัยที่กำลังเป็นกระแสสังคมและเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนั้น
การกระทำของ น.ส.นารี ในฐานะจำเลยที่ 1 จึงมีเจตนาใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยไม่สุจริต มุ่งตรวจสอบสำนวนคดีที่โจทก์มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในขณะดำรงตำแหน่ง อสส. เป็นการเลือกปฏิบัติต่อโจทก์อย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่การออกคำสั่งดังกล่าว ยังเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงดุลยพินิจในการสั่งคดีของโจทก์ที่ได้พิจารณาและมีคำสั่งไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าโจทก์ใช้อำนาจ อสส.ในการสั่งคดีโดยมิชอบ
@ สิงห์ชัย ทนินซ้อน
ส่วนนายศักดา ช่วงรังษี จำเลยที่ 2 ถือเป็นบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์และมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายสิงห์ชัยมาก่อน ขณะที่การปฏิบัติหน้าที่ของ นายศักดา ที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาความเห็นใน คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก และมีการพิจารณาทำความเห็นให้ข้อเสนอแนะก้าวล่วงไปถึงดุลยพินิจในการพิจารณาสั่งคดีของนายสิงห์ชัย ในฐานะอสส. โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้ และเสนอความเห็นต่อ อสส.คนปัจจุบันให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับโจทก์ การออกคำสั่งอสส. โดยน.ส.นารี จำเลยที่ 1 แต่งตั้งนายศักดา จำเลยที่ 2 เป็นคณะทำงานดังกล่าว จึงมีเจตนาร่วมกันดำเนินการตรวจสอบทั้งที่ ไม่มีอำนาจและไม่เป็นกลาง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยไม่สุจริต เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์เพื่อให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้การกระทำของจำเลยทั้ง 2 ยังเป็นใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ กระทำนอกขอบเขตแห่งอำนาจหรือโดยปราศจากอำนาจ เป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจเกินล้ำออกนอกขอบเขตของความชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสอง เป็นข้าราชการอัยการชั้นสูง ย่อมทราบดีถึงบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตลอดจนระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด และหลักเกณฑ์การวินิจฉัยมูลความผิดทางวินัยของพนักงานอัยการ
@ นารี ตัณฑเสถียร
นายสิงห์ชัย ในฐานะโจทก์ยังกล่าวอ้างด้วยว่า การที่ น.ส.นารี จำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ตรวจสอบการสั่งคดีของอัยการสูงสุด หรือโจทก์ อันนำไปสู่การที่นายศักดา จำเลยที่ 2 เสนอให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับโจทก์ เนื่องจากการตรวจสอบสำนวนที่ก้าวล่วงดุลพินิจในการขี้ขาดของโจทก์นั้น เป็นเหตุให้อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน คือ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการอัยการยกร่างระเบียบเพื่อดำเนินการทางวินัยกับอัยการสูงสุดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 82 ซึ่งตามกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้อัยการสูงสุดหรือจำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด มีอำนาจเสนอดำเนินการทางวินัยเพื่อให้มีการสั่งลงโทษทางวินัยกับโจทก์ได้ หากแต่บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดว่า การดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยอัยการสูงสุดและรองอัยการสูงสุดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ก.อ.
อีกทั้งยังไม่ปรากฎว่ากรณีมีการกล่าวหาหรือร้องเรียนโจทก์มาก่อนว่าการสั่งคดีของโจทก์มีพฤติการณ์ที่เข้าลักษณะการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การใช้อำนาจโดยผิดกฎหมายในกรณีนี้ จำเลยทั้งสองย่อมเห็นได้อยู่ในตัวแล้วว่าเป็นการมิชอบและมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ดี คดีนี้อยู่ในช่วงต้นการฟ้องร้องคดีความเท่านั้น ศาลฯ ยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด
- ผลสอบคำสั่งไม่ฟ้อง 6 คดีฉาวเป็นเหตุ! ‘อำนาจ' สั่งยกร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อัยการสูงสุด’
- เสนอลงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ คดีสั่งไม่ฟ้อง บ.ซี.พี.เค. รุกป่า 6,000 ไร่
- ย้อนคดี บ.เครือเปรมชัย รุกป่า 6พันไร่ ก่อนชงโทษวินัยร้ายแรงกราวรูด ‘บิ๊กอัยการ’ สั่งไม่ฟ้อง
- ชัดๆ เปิดไทม์ไลน์คดีรุกป่า 6 พันไร่ - อดีต อสส.สั่งไม่ฟ้องสวนความเห็น 'สำนักชี้ขาด-รองฯ'
- หลักฐานชัด! บ.เครือเปรมชัย ยังถือครองที่ดินคดีรุกป่า 6 พันไร่-รัฐไม่ฟ้องขับไล่?
- พยานหลักฐานใหม่ รื้อฟื้นคดีบ.เครือเปรมชัยรุกป่า 6 พันไร่ กู้ศักดิ์ศรีอัยการ-ทวงคืนสมบัติชาติ
- ‘อสส.’สั่งฟ้องคดีบ่อนพนันออนไลน์‘มาวินเบตฯ’-ออกหมายเรียก 4 ผู้ต้องหา นำตัวส่งศาล
- ร่างระเบียบลงโทษวินัย ‘อสส.' เสร็จแล้ว! ถ้า ก.อ.เห็นชอบอาจประเดิมใช้คดีรุกป่า 6 พันไร่
- ชัดๆ เปิดข้อเสนอสอบวินัยลงโทษ '6 บิ๊กอัยการ-พวก’ สั่งไม่ฟัองคดีรุกป่า 6 พันไร่
- วาระเยอะพิจารณาไม่ทัน! ก.อ.ประชุมนัดพิเศษถกร่างระเบียบลงโทษวินัย อสส.31 ม.ค.นี้