อธิบดีกรมการข้ามพร้อมภรรยาเดินทางเข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ปปป. หลังเอี่ยวปมถูก 'ศรีสุวรรณ'พร้อมพวกเรียกเงินแลกยุติการร้องเรียน ด้านภรรยาโชว์สมุดบัญชีธนาคาร 20 บัญชีแสดงความบริสุทธิ์ใจ ย้ำความจริงมีหลักฐานมากกว่าที่ตำรวจแถลงเยอะ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นคลิปเสียงต่อรอง-ขณะ ผบก.ปปป.เผยผู้ต้องหายังปฏิเสธ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีการจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยาพร้อมพรรคพวก ในข้อหาเรียกรับเงินเพื่อยุติการร้องเรียนและดำเนินคดีว่า ทางด้านของนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวที่ตกเป็นข่าวได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อพร้อมกับนำเอาบัญชีธนาคารจำนวน 20 บัญชีมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ในช่วงเวลา 16.00 น. นางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร อายุ 49 ปี ภรรยา พร้อมด้วยนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ที่ถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา , นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ข่มขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนและถูกดำเนินคดี โดยทั้งอธิบดีกรมการข้าวและผู้เป็นภรรยาได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนกองกองกำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กก.1บก.ปปป.)
ทั้งนี้ก่อนการให้ปากคำ ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวกล่าวว่าวันนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวันก่อเหตุ และขอยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดในวันแถลงข่าวการจับกุมนายศรีสุวรรณนั้นค่อนข้างจะถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่อาจยังมีบางส่วนที่เจ้าหน้าที่พูดเซฟไปด้วยซ้ำ
“ความเป็นจริงหลักฐานมีมากกว่านั้นเยอะ และยิ่งวันเกิดเหตุชัดเจนทุกอย่าง ทุกถ้อยคำที่ต้องให้กับเจ้าหน้าที่ ถามว่าคำกล่าวอ้างว่าไม่ได้เรียกรับเงินนั้น เป็นเรื่องของพวกเขา ส่วนอันนี้เป็นเรื่องของเรา ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาพยายามต่อรองนั้น ยังไม่เห็น เนื่องจากทำงานส่วนตัวของตัวเองก็รู้สึกเหนื่อย งานค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับการเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนี้” นางธัญญรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่าอธิบดีกรมการข้าว บริสุทธิ์หรือไม่ นางธัญญรัตน์ กล่าวว่า ขอให้ไปดูตามสื่อและตรวจสอบดูพฤติกรรมต่างๆ เกิดขึ้นจริงหรือไม่
เมื่อถามต่อว่าทำไมนายศรีสุวรรณถึงต้องมาเรียกเงินด้วย นางธัญญรัตน์กล่าวว่าขอให้ไปถามเขา ส่วนคำถามว่าพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกอย่างหรือไม่ ยืนยันว่าวันนี้ ตนเอาบัญชีมา 20 กว่าเล่มให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่า บัญชีมีความผิดปกติหรือไม่ และเอาหลักฐานที่มีทั้งหมดลองช่วยเหลือตนเองหน่อยว่าจะทำอะไรได้บ้าง
เมื่อถามว่า คู่กรณีทั้ง 2 คน ได้ติดต่อกลับมาหรือไม่ภายหลังจากเป็นข่าว ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ขณะยังไม่ได้มีใครติดต่อกลับมาแต่อย่างใด แต่ติดต่อมาระหว่างมีเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองได้ให้หลักฐานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว หากต้องการขอให้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะต้องเซฟทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย
เมื่อถามต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวกล่าวว่าแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้เลย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเขาดำเนินการตรวจสอบเรามากกว่าตรวจสอบพวกเขา เพราะกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพวกเราได้ต้องตรวจสอบตนเองก่อนหรือไม่ เรื่องดังกล่าวต้องมีการวางแผนมาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน เขาจะไปจับใครสักคนนึงเขาต้องตรวจสอบเราที่เป็นคนร้องก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่จู่ๆ ไปจับมาเลย ต้องมี พ.ร.บ.หรือข้อกฎหมายใดก่อนหรือไม่ เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น ส่วนตัวเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก เพราะเขาเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานหนักกันทุกคน ไม่ใช่ฟังและเชื่อเลยทันที ต้องทำการตรวจสอบ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดชอบ
ทางด้านพล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน (นายศรีสุวรรณ , นายยศวริศ และ น.ส.พิมณัฏฐา)แล้ว ทุกคนให้การปฏิเสธ ไม่ยอมให้การที่เป็นประโยชน์กับคดี แต่ทั้งนี้ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะหลักฐานที่มีอยู่ในมือพนักงานสอบสวนนั้นมีมากอยู่แล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปจะส่งเอกสารหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวน ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้(วันจันทร์ ที่ 29 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จะประชุมคณะทำงานสอบสวน รวมทั้งทีมกฏหมายเพื่อดูว่า คดีนี้ยังขาดอะไรอีกบ้าง ต้องแสวงหาอะไรเพิ่มเติมเพื่อมาประกอบสำนวนอีกหรือไม่