‘จุลพันธ์’ ร่ายยาวแถลงปม ‘ดิจิทัลวอลเลต’ ชี้ยังรอ ป.ป.ช.ส่งหนังสือทางการมา ยังรับฟังความเห็นทุกหน่วยงาน เพื่อความเข้าใจตรงกัน-ไม่ถูกร้องภายหลัง แต่อยากให้ได้ยินเสียงประชาชนที่เดือดร้อนบ้าง ยังไม่มีแผนอื่น ก่อนปฏิเสธใช้ ป.ป.ช.เป็นหลังพิงเพื่อล้มโครงการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 17 มกราคม 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงถึงกรณีที่มีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเลต เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีจุดประสงค์จะรับฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยรัฐบาลได้รับเอกสารจากกฤษฎีกาแล้ว เพื่อรอเอกสารจากป.ป.ช.มาพิจารณาพร้อมกัน จากนั้นจะได้กำหนดแนวนโยบายต่อไป
ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หยิบยกหนังสือของ ป.ป.ช.มาแถลงนั้น ได้ดูในรายละเอียดแล้ว เขียนค่อนข้างชัดเจนและแรงพอสมควรในการคัดค้านการเดินหน้าโครงการ ซึ่งรัฐบาลก็รับฟังและนำมาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ก็ยังเช่นเดิมคือยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเอกสารที่เห็นไม่ทราบว่าเป็นทางการหรือไม่อย่างไร หรือเป็นเอกสารที่เป็นจริงหรือไม่
รมช.คลัง กล่าวต่อว่า จากที่ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษานโยบายดิจิทัลวอลเลต โดยมีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน ได้ทำข้อเสนอแนะมา ซึ่งรัฐบาลก็รับฟัง โดยนางสาวสุภา เป็นผู้ติดตามการทำนโยบายของรัฐบาลชุดนี้มาตลอด และทราบว่าก่อนที่จะเกษียณได้ส่งหนังสือฉบับนี้เข้าไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งก็ดูความชัดเจนว่า ป.ป.ช.จะพิจารณาตัวหนังสือนี้เมื่อไร และจะส่งมาให้รัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายเมื่อไหร่
@รับฟังความเห็นทุกฝ่าย แต่อยากให้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายที่ได้เห็นเอกสารของกฤษฎีกาและป.ป.ช.ต่างแนะให้รัฐบาลทบทวนโครงการเงินดิจิทัลวอลลอต 1 หมื่นบาท เพราะเกรงจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ทั้งปราะชาชนและหน่วยงานต่างๆ โดยคณะกรรมการนโยบายเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายอย่างเต็มที่
“ผมไม่เคยพูดว่าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อยากให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนว่าขณะนี้เศรษฐกิจมันไม่ได้ดี เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันและสามารถเดินหน้าได้ ก็จะเป็นวัตถุประสงค์ที่เราคาดหวัง หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเราเห็นว่าหนังสือของกฤษฎีกา เป็นคำตอบเชิงกฎหมายไม่มีไฟเขียว ไฟแดงว่าควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งเขาไม่ได้ห้าม หรือสั่งการให้เดินหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่เป็นเพียงความเห็นข้อกฎหมายที่คณะกรรมการนโยบายฯ มีหน้าที่รับฟัง และนำไปปฏิบัติ เพื่อให้เข้าสู่กรอบของกฎหมายให้ได้ในที่สุด แต่สำหรับหนังสือของ ป.ป.ช.นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการวางธงไว้ชัดที่จะไม่ให้โครงการนี้เดินหน้าไปได้” นายจุลพันธ์กล่าว
@ดิจิทัลวอลเลต ประชาชนเห็นชอบแล้ว แต่ ป.ป.ช.-ธปท.ไม่เข้าใจ
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า แม้โครงการเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท จะได้รับการเห็นชอบจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และมีการแถลงนโยบายในสภาไปแล้ว แต่ก็มีบางกลุ่ม เช่น ป.ป.ช. หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำ หรืออาจจะยังมองไม่เห็นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลพยายามจะบอก
“วิกฤตขณะนี้ไม่ใช่วิกฤตการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือวิกฤตด้านโครงสร้างเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตแห่งความเห็นอกเห็นใจต่อพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อน Democracy without empathy ทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจ เข้าใจในผู้ที่เดือดร้อน แสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว วันนี้ผมต้องเรียนว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เราได้เดินทางพบปะประชาชนทั่วประเทศ ได้เห็นความเดือดร้อน โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ไม่ได้เป็นการทำงานในห้องแอร์ ตอนนี้พี่น้องทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์เป็นแค่หนังสือแบบเรียน แต่มองในมิติของความเป็นจริง มิติชีวิตพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนด้วย ผมต้องเรียนว่าวันนี้ วันนี้หากดูกรอบเวลาคงไม่ทันเดือนพ.ค.จริงๆ แต่ยืนยันว่าเราต้องเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลต่อไป” รมช.คลังกล่าว
@ส่อหลุดไทม์ไลน์ พ.ค. 67
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะไม่สามารถยืนยันกรอบเวลาในเดือน พ.ค. 2567 ตามที่เคยแถลงมาได้ เพราะหากดูจากข้อคิดเห็นที่ออกมาเป็นหนังสือ ขั้นตอนต่อจากนี้ คงต้องรอให้ ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นฉบับนี้หรือฉบับแก้ไข แล้วจะเชิญคณะกรรมการนโยบายฯ มาประชุมเพื่อนำเอาความเห็นของ 2 หน่วยงานมาพิจารณาในคราวเดียวกัน และเริ่มกระบวนการในการฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม ในการทำความเข้าใจกับหน่วยงานและองค์กรใดๆ ก็ตามที่ยังไม่เห็นเจตนาดีของรัฐบาล หรือยังมองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน จะต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกัน และเดินหน้านโยบายนี้ในที่สุด
@รับ กังวลถูกเช็กบิลหลังทำนโยบาย ต้องฟังความเห็นให้เข้าใจทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด ไม่หวั่นใช่หรือไม่ที่จะเกิดประเด็นทางการเมืองตามมาทีหลังในการเอาผิด นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่ทำไมต้องทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ว่าสิ่งที่ต้องเดินหน้ามี่เหตุผลคืออะไร และความเดือดร้อนของประชาชนคืออะไร รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง เพราะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร สิ่งที่พยายามทำให้มันเป็นคืออะไร เรามีหน้าที่พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลยึดเป็นธงหลัก
เมื่อถามอีกว่า การระบุว่าดำเนินการไม่ทันในเดือน พ.ค. 2567 จะมีการยกเลิก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ กลไกนี้สุดท้ายก็ต้องรอให้คณะกรรมการนโยบายฯ พูดคุยและตัดสินใจว่าจะใช้กลไกอะไร และเดินหน้าอย่างไร อาจจะเป็นในรูปแบบ พ.ร.บ.หรือช่องทางใด เวลานี้ตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จากการพูดคุยในรายละเอียด และดูอุปสรรคที่เห็น มองว่ากลไกที่จะผลักดันให้อยู่ในช่วงเดือน พ.ค. ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยืนยันว่าจะพยายามให้มากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่ากลไกหนึ่งที่เราไม่รู้ คือการตอบเอกสารของ ป.ป.ช.จะมาเมื่อไร และกลไกในการสร้างความเข้าใจต่อหน่วยงานต่างๆ ให้ตรงกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องใช้เวลาซึ่งตรงนี้ไม่มีกรอบเวลา
@ย้ำต้องทำความเข้าใจว่าตอนนี้ ‘เศรษฐกิจวิกฤติ’
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากหน่วยงานอื่นยังมองไม่เห็นวิกฤตตามรัฐบาลอ้าง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ต้องทำความเข้าใจ แน่นอนว่าภาวะของเศรษฐกิจยังมีความไหลลื่นและไม่ได้อยู่ชุดเดียว และข้อมูลที่ได้อาจจะเป็นของช่วงปลายปีที่แล้ว หรือ Out date หรือเรียกว่าหมดความเป็นปัจจุบันไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจะต้องนำเอาสถานการณ์ปัจจุบัน สภาพเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนที่เป็นจริงมานำเสนอต่อสังคม และหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ยืนยันว่าถึงแม้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยดิจิทัลวอลเลต จะต้องเลื่อนออกไป แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เราพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบที่จำกัดที่มี ให้แก้ความเดือดร้อนของประชาชนได้มากที่สุด เรามีปัญหา 100 เรื่องที่ต้องแก้ไข หากเรื่องนี้จำเป็นต้องเป็นอีกเรื่องที่ต้องชะลอไป เพื่อให้สามารถทำอีก 99 เรื่องได้ เราก็ยินดี
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแผนสำรองหากโครงการเดินหน้าไม่ได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ได้ให้คำตอบว่าโครงการนี้ไปไม่ได้ กลไกของภาครัฐมีมากมาย เชื่อว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นยังมีหนทางอีกมาก
@ยังไม่มีทางอื่น
ส่วนจะมีแนวทางอื่น เช่น ลดวงเงินในการแจกลงหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการลดมาแล้วรอบหนึ่ง หลังจากฟังความเห็นจากหลายหน่วยงาน โดยเห็นว่าการแจกเงินให้บางกลุ่มไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ต้องการ เราจึงรับฟังและปรับลดลงมาเหลือ 50 ล้านคน ส่วนตัวเลขที่ออกมาว่าอาจจะลดเหลือ 30 ล้านคนนั้นตนไม่เคยได้ยิน ได้ยินจากสื่อเท่านั้น ยืนยันว่ายังเท่าเดิมคือ 50 ล้านคน
เมื่อถามว่า สว.มองว่ารัฐบาลดันทุรังในการที่จะผลักดันโครงการนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ดันทุรัง แต่เป็นการมองเห็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ หากไม่ได้ลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชนแล้วจะมองไม่เห็นจุดนี้ ก็ต้องพยายามชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเดินหน้าให้กลับมาแข็งแกร่งในระดับที่เป็นไปตามศักยภาพของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นจะใช้คำนี้ไม่ได้ แต่เป็นความตั้งใจที่จะรับใช้ประชาชนและนโยบายนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งและการแถลงนโยบายต่อสภา จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลต้องพยายามที่สุดในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
@ปัดใช้ ป.ป.ช. พิงเพื่อล้มโครงการ
ส่วนที่มีการมองว่ารัฐบาลอาจจะใช้ ป.ป.ช.เป็นหลังพิงในการดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต นายจุลพันธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่การใช้ป.ป.ช. เป็นหลังพิง ยืนยันรัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สว. ป.ป.ช. องค์กรภาคส่วนใดในสังคม รวมถึงฝ่ายค้าน และนำมาปรับให้เหมาะสม เมื่อมีข้อมูลเข้ามาเราก็นำมาประกอบการดำเนินโครงการนี้ ตนไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้ ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือในการทำลายรัฐบาลเช่นกัน