กกต.ยกคำร้องกรณี 'คชาภา ตันเจริญ' หาเสียงเอื้อประโยชน์-จูงใจให้ลงคะแนนเลือก 'ศักดิ์ชาย ตันเจริญ'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยที่ 242/2566 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 3 กรณีนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 3 หมายเลข 5 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 1 รู้เห็นเป็นใจให้ นายคชาภา ตันเจริญ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องที่ 2 ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพเอื้อประโยชน์หาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
โดยกกต.มีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และมาตรา 80 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (1) และ (5) ตามคำร้อง
มีรายละเอียด ดังนี้
คำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ 242/2566
เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 3
ตามที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2566 ให้ไว้ ณ วันที่ 17 มีนาคม 2566 ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566 เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ กำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 นั้น
ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับคำร้องว่า นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 3 หมายเลข 5 พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายคชาภา ตันเจริญ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และมาตรา 80 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (1) และ (5) กล่าวคือ
ผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับรายการทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา เช่น นักแสดง นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สื่อ เป็นต้น ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพตังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง และหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วได้ความว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 28 เมยายน พ.ศ. 2566 ระหว่างเวลาประมาณ 17.30 นาฬิกาถึงเวลาประมาณ 20.00 นาฬิกา ที่เวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งบริเวณทางแยกสาย 331 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
ผู้ถูกร้องที่ 2 ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นบิดาของผู้ถูกร้องทั้งสอง และหาเสียงให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ถูกร้องที่ 6 โดยผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ปราศรัยมีข้อความตอนหนึ่งว่า "ขอให้มดเล็กมาเป็น สส. แทนมดดำสักคน ได้ไหมครับ" ซึ่งคำว่า "มดเล็ก" หมายถึงผู้ถูกร้องที่ 1 และคำว่า "มดดำ" หมายถึงผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ร้องจึงเห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นการหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 เนื้องจากผู้ถูกร้องที่ 2 มิได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งเป็นกรณีผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพในการเป็นพิธีกรของตน เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 จากการไต่สวนผู้ร้องให้ถ้อยคำตามข้อเท็จจริงในคำร้อง โดยอ้างภาพถ่ายและวิดีโอคลิปบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานประกอบคำร้อง
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 ระหว่างเวลาประมาณ 17.30 นาฬิกาถึงเวลาประมาณ 20.00 นาฬิกา ตนได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งบริเวณที่ว่างติดถนนทางแยกสาย 331 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยในวันดังกล่าวผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง โดยที่ตนมีได้กำหนดรูปแบบและเนื้อหาในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว และตนมิได้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งด้วยข้อความตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 2 ให้ถ้อยคำว่า ตนเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ตามสำเนาหนังสือพรรคเพื่อไทย ลงวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566 ตนจึงมีหน้าที่ในการช่วยเหลือพรรคเพื่อไทยและผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้ขึ้นกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งมีข้อความตอนหนึ่งว่า "ขอให้มดเล็กมาเป็น สส. แทนมดดำสักคนได้ไหมครับ" ซึ่งมีความหมายในทำนองเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ตนมิได้หลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด จากการไต่สวน
พยานที่ได่สวนประกอบคนที่ 1 ถึงคนที่ 10 และคนที่ 12 ถึงคนที่ 19 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าวให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ข้อความที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งว่า "ขอให้มดเล็ก มาเป็น ส.ส. แทนมดดำสักคน ได้ไหมครับ" เป็นเพียงถ้อยคำส่วนหนึ่งที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีเท่านั้น ไม่เป็นการหลอกลวง และไม่เป็นการจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 โดยผู้ถูกร้องที่ 2 มิได้ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพพิธีกรในการกล่าวปราศรัยหาสียงเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ที่กล่าวถึงประวัติของตนเองและครอบครัว
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 11 ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้ถูกร้องที่ 1ให้ถ้อยคำว่า ตนทำหน้าที่เป็นผู้จัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว โดยผู้ถูกร้องที่ 2 ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งให้แก่พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 1 และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา เขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 2 มิได้ทำหน้าที่พิธีกรแต่อย่างใด จากการตรวจสอบวิดิโอคลิปประกอบคำร้อง ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งว่า
"วันนี้ขอให้มันมาเป็น ส.ส. แทนมดดำสักคนนึงได้มั้ยฮะ ขอให้มดเล็กมาเป็น ส.ส. แทนมดดำสักคนนึงได้มั้ยฮะ ขอให้จั่ง อยู่ดีดี เค้าอยู่แบงค์ชาติของเค้าดีอยู่แล้วฮะ บอกจั่งมาช่วยพี่เหอะ เอาให้ฉะเชิงเทราของเราเนี่ย เป็นเมืองต้น ๆ ของประเทศไทย เอาออกจากแบงค์ชาติ ขอให้จังเป็น ส.ส. ในใจของทุกท่านอีกสักคนนึงได้มั้ยฮะ สองคนนี้เป็นน้องจั่ง ...มดเล็กพ่อแม่เดียวกันมาตลอด"
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 ระหว่าง เวลาประมาณ 17 30 นาฬิกาถึงเวลาประมาณ 20.00 นาฬิกา ที่เวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งบริเวณทางแยก สาย 331 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลในครอบครัวของผู้ถูกร้องที่ 2 และนโยบายพรรคเพื่อไทย อันเป็นลักษณะของการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป ส่วนข้อความที่ผู้ร้องกล่าวหาว่า "ขอให้มดเล็ก มาเป็น ส ส. แทนมดดำสักคนได้ไหมครับ" เป็นเพียงข้อความบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ถึงคนที่ 10 และคนที่ 12 ถึงคนที่ 19 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ไปฟังการปราศรัยดังกล่าวให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ข้อความที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งว่า "ขอให้มดเล็ก มาเป็น ส.ส. แทนมดดำสักคนได้ไหมครับ" เป็นเพียงถ้อยคำส่วนหนึ่งที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีเท่านั้น
ไม่เป็นการหลอกลวง และไม่เป็นการจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 โดยผู้ถูกร้องที่ 2 มิได้ใช้ความสามารถหรือวิชาชีพพิธีกรในการกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยหาเสียงที่กล่าวถึงประวัติของตนเองและครอบครัว และเป็นการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรหรือใช้วิชาชีพอื่นของตน เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 1 หรือพรรคเพื่อไทย อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา
ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ถูกร้องที่ 2 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) และมาตรา 80 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 18 (1) และ (5) ตามคำร้อง
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง