‘เศรษฐา’ เผย ครม.เห็นชอบผลักดัน ร่างพ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่ง ‘สมรสเท่าาเทียม’ เข้าที่ประชุมสภาฯ 21 ธ.ค. 66 นี้ แถมข่าวดี ตรึงดีเซล 30 บ./ลิตร ส่วนค่าไฟฟ้ายังอยู่ระหว่างพิจารณา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เสนอให้มีการส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อสภา โดยร่างกฎหมายฉบับที่รัฐบาลเสนอผ่านการได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในขั้นตอนการยกร่างและรับฟังความเห็นของหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศาลยุติธรรม หลังจากนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างกฎหมายเพื่อความรอบคอบอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“กฎหมายฉบับนี้จะทำให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยมีสิทธิหน้าที่และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ ตนขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับทุกๆ ฝ่ายและจะเข้าการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 21 ธ.ค. นี้” นายกรัฐมนตรีระบุ
เมื่อถามว่า จะมีผลทางกฎหมายเกี่ยวกับมรดกและทายาทด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างเท่าเทียมหมดตามที่ชายและหญิงสมรสกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.ยังพิจารณาถึงการลดราคาพลังงานจะพยายามตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่าไฟฟ้าจะไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท แต่ต้องขอดูราคาค่าแก๊สว่าจะลงไปเท่าไหร่ ซึ่งจะยังไม่ประกาศบอก แต่ยืนยันว่าจะไม่เกิน 4.20 บาทแน่นอน ซึ่งน่าจะเป็นข่าวดีที่ราคาน่าจะต่ำกว่านั้น ขอให้ฟังประกาศอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้มีรายละเอียดที่ดีที่พร้อมก่อน แล้วจะมีการแถลง
@สั่ง รมว.ท่องเที่ยว ประชุมท่องเที่ยวร่วมอาเซียน
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้สั่งการนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการเรียกประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม ซึ่งเนื้อหาการประชุมเป็นเรื่องของการกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคโดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลัก นอกจากนั้น ตนจะทำการพูดคุยสอบถามกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่ามีความสนใจที่จะเข้าร่วมด้วยไหม
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ได้สั่งการรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการกำกับดูแลการตรวจคนเข้าเมืองและดูแลความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยให้ดูแลประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนครอบคลุมการเสียชีวิตชดเชย ไม่เกิน 1,000,000 บาท กรณีอุบัติเหตุชดเชยให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท รวมทั้งพูดคุยหารือกับกระทรวงสาธารณสุขให้มีการจัดระเบียบบริการสาธารณสุขและประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว โดยหากมีความจำเป็นต้องใช้งบกลางก็ให้เร่งเสนอไปตามขั้นตอน นอกจากนั้นมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเรียกประชุมและมอบนโยบายให้กับหน่วยงาน ททท. ทั้ง 30 แห่งทั่วประเทศให้ทำงานเชิงรุกและให้ความรู้ ช่วยกันโฆษณาว่าประเทศไทยดีอย่างไรและมีความน่าท่องเที่ยวอย่างไร