‘เศรษฐา’ ยืนยันเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะ ‘วิกฤติ’ ย้ำแจกเงินหมื่นดิจิทัลเป็นเรื่อง ‘เร่งด่วน’ แม้มีคนไม่เห็นด้วย พร้อมเดินหน้าเปิดเจรจา FTA หลังมอง 10 ปี ไทยล้าหลัง
.....................................
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “The time to act is now พลิกวิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 91 ปี หอการค้าไทย ว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 และได้พบปะกับผู้นำประเทศต่างๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำของต่างประเทศ เช่น Facebook Tesla Google Microsoft นั้น
ทำให้เห็นถึงศักยภาพประเทศไทยในหลายด้าน ทั้งเรื่องความพร้อมด้านคมนาคม โดยเฉพาะเรื่อง Clean Energy เรื่อง Health Care และโรงเรียน International ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และแม้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็มีจุดยืนของตนเองด้านการค้าขายมาโดยตลอด และประเทศไทยมีจุดยืนชัดเจน คือ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
"ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่มาเพื่อค้าขายและเชิญชวนให้นักลงทุนมาลงทุนในไทยผ่านการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนจะได้รับ เช่น มาตรการสนับสนุนด้านภาษี และมาตรการต่างๆ ที่สามารถ Offer นักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยได้" นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในเรื่องการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) นั้น ไทยยังล้าหลังอยู่ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยมีการเจรจา FTA น้อยมาก ดังนั้น เรื่อง FTA จะเป็นอีกหนึ่งวาระที่สำคัญของรัฐบาลนี้ที่จะเดินหน้าเต็มที่และทำให้เกิดผลโดยเร็ว เช่น ที่ออสเตรเลียถึงแม้มีเรื่อง FTA แล้ว แต่ก็จะมีการอัปเกรด FTA ขึ้นไปอีก และจะมีการขยายไปในอีกหลายประเทศต่อไปด้วย
นายกฯ ระบุว่า แม้หลายคนพูดถึงการเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค ครั้งที่ 30 เราประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่มองว่าเรายังทำได้อีกมาก โดยในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) จะมีการนัดทีมที่ไปทำกันมาว่า แต่ละหน่วยงาน แต่ละกระทรวง กรม ต้องไปทำการบ้านอย่างไรต่อ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนั้นเกิดขึ้นได้จริงๆ รวมไปถึงการพัฒนาเรื่องเมืองรองของไทย ซึ่งต่างประเทศก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ด้วย
"ไม่เฉพาะการท่องเที่ยวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เท่านั้น เพราะต่างประเทศมองว่าหลายจังหวัดของไทยยังมีศักยภาพอยู่มากทั้งเรื่องวัฒนธรรม Soft Power และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ต้องการให้ไทยมีการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น เรื่องการพัฒนาสนามบินต่าง ๆ ของไทย ทั้งสุวรรณภูมิ ภูเก็ต พังงา เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเมกะโปรเจกต์ที่ต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นตามแผน
หลายเมืองรองต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายมิติเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวให้มากขึ้น โดยสิ่งสำคัญ คือ ระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวมาอยู่ในเมืองไทย ดังนั้น การดึงให้นักท่องเที่ยวให้อยู่นานและไปท่องเที่ยวในเมืองรองด้วย ต้องมีการขยายระยะเวลาให้นักท่องเที่ยวอยู่ได้นานขึ้น ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ในทุกมิติรองรับด้วย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงด้านการเดินทางคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้” นายเศรษฐา ระบุ
นายเศรษฐา ระบุด้วยว่า เห็นด้วยกับที่หอการค้าแห่งประเทศไทยจะเริ่มขับเคลื่อนใน 4 เมืองรอง และขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ เพราะถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้โดยจะพยายามทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะให้ทีมงานนัดเพื่อหารือกันในเรื่องดังกล่าวต่อไป เช่น เรื่องแรงจูงใจ (Incentive) เมืองรองคืออะไร การสนับสนุนจากรัฐบาลที่ต้องการคืออะไร เป็นต้น
ส่วนกรณีเรื่องนโยบายเงิน Digital Wallet ที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นั้น เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ แต่ความจริงแล้วปัจจัยหลักมีเพียงว่า เร่งด่วน จำเป็น และวิกฤติหรือไม่ ซึ่งมีบางคนเห็นว่า ไม่เร่งด่วน ไม่จำเป็น และไม่วิกฤติ แต่รัฐบาลนี้เห็นว่า เป็นเรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน และสภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่วิกฤติ
“มีบางคนเห็นว่า ไม่เร่งด่วน ไม่จำเป็น ไม่วิกฤติ แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน และสภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่วิกฤติ ส่วนที่บอกว่าถ้าจะวิกฤติ ต้อง GDP ติดลบ ท่านพูดถูก ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่วิกฤติ แต่เราหรือประเทศไทย ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมาก
ถ้าย้อนกลับไปดูประเทศคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จะพบว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวขยายตัวไปเท่าไรในปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับไทย ซึ่งเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่า ไทยสามารถทำได้และไปไกลได้อีก" นายเศรษฐา กล่าวและย้ำว่า ในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเฉลี่ยต่ำกว่า 2%
ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว นายเศรษฐา ยังรับข้อเสนอทางเศรษฐกิจจากหอการค้าทั่วประเทศ (สมุดปกขาว) ด้วย