'เศรษฐา ทวีสิน' ยืนยันขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็นการศึกษา ไม่ได้ให้ขึ้นทันที-เผยผลประชุมครม.ตั้งคกก.ย่อยแก้ปัญหา EEC มี 'สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ' นั่งประธาน-เล็งยกระดับหน่วยงานอาหารฮาลาลเป็นขึ้นเป็นกรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
โดยหลังการแถลงข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ นายเศรษฐาตอบว่า ประเด็นการขึ้นเงินเดือนข้าราชการนั้นเป็นการสั่งให้ศึกษา ไม่ได้หมายความว่าให้ขึ้นทันที ดั้งนั้นการตั้งราคาสินค้าต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเงินเดือนที่จะเพิ่มขึ้นนั้น ยังไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้กรมการค้าภายในต้องดูแลอยู่แล้ว
ส่วนผลการประชุมในครม. นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการชดเชยค่าแรงของแรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับประเทศไทยหรือการเบิกค่าเครื่องบินที่เป็นประเด็นข่าว ได้สั่งการรัฐมนตรีแรงงานให้กำกับดูแลให้ดี และทำให้แน่ใจว่าบุคคลที่ควรได้ค่าชดเชยก็ควรได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว เนื่องจากไม่อยากให้มีปัญหาว่าแรงงานกลับประเทศไทยมาแล้วไม่ได้เงิน จึงเป็นสาเหตุที่ไม่กลับประเทศไทย ส่วนเรื่องของสมรสเท่าเทียมสั่งการให้เร่งดำเนินการให้เข้าครม.ในสัปดาห์หน้า
เรื่องการลงพื้นที่ EEC ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่มีความล่าช้าอย่างมาก ได้กำกับรัฐมนตรีไปดูแลให้อย่ามีการล่าช้า เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด เป็นข้อคิดให้กับรัฐมนตรีท่านอื่นว่าถ้ามีงานล่าช้าให้ติดตามอย่างใกล้ชิด ให้ไล่ดูผู้รับเหมาว่าอย่ามีการล่าช้าเกิดขึ้น การล่าช้าของงานส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างใหญ่หลวง ให้ดูแลส่วนนี้ให้ดี ๆ
มีการตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องฝุ่น PM 2.5 โดยมีรองนายกและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรเป็นประธาน
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการย่อยเพื่อดูแล EEC เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งรัดต่าง ๆ ใน EEC โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นเลขาธิการ
เรื่องของการยกระดับหน่วยงานดูแลอาหารฮาลาลให้ขึ้นมาเป็นกรม เพื่อให้ความสำคัญและพัฒนาต่อไปได้ เนื่องจากรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของอาหารฮาลาลว่าจะเป็นอาหารเศรษฐกิจ ที่จะส่งออกไปได้ในพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมอยู่จำนวนมาก
และมีเรื่องที่มีข่าวการแฮกบัญชี นำข้อมูลของประชาชน 15 ล้านรายไปเผยแพร่ ได้กำชับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) โดยให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลและภายในสัปดาห์หน้ามาเสนอแผนงาน