ตำรวจ ปปป. สนธิกำลัง ป.ป.ช.-ป.ป.ท. ซ้อนแผนค้น 8 จุด อุทัยธานี จับ 'ลูกเขยชาดา'คาเงินของกลาง 600,000 บาท หลังเรียกเงินผู้รับเหมาก่อสร้างระบบน้ำประปา แบ่งหน้าตั้งแต่ขั้นตอนเสนอราคา จนถึงสัญญารับจ้างแล้วเสร็จ -ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ เตรียมขยายผลต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2566 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.ฉ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ปปป.พ.ต.อ.แมน แม่นแย้ม รองผบก.ปปป. พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.4.บก.ปปป.สนธิกำลัง พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4.บก.ป. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.และป.ป.ช.นำกำลังเจ้าหน้าที่และชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ลุยตรวจค้น 8 จุด ในจ.อุทัยธานี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินสิบบนจากผู้ประกอบการทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
จากปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 5 ราย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 3 รายประกอบด้วย 1.นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่ 2.นายธนภัสสร์ ดุลยาธิการ ตำแหน่งปลัดเทศบาลตลุกดู่ 3.นายกุลธัช สามัคคี ผู้ช่วยนายช่างโยธาเทศบาลตลุกดู่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.167-169 /2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 22 ต.ค. 2566 ข้อหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และ ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต"
ส่วนผู้กระทำผิดที่ถูกจับอีก 2 ราย เป็นประชาชนทั่วไป คือ นายมานพ ติดติมานพ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ จ170 /2566 ลงวันที่ 22 ต.ค. 2566 ข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ นายยิ่งยง คชาชาญ ตามความผิดซึ่งหน้า ในความผิดฐาน สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยจับกุม นายวีระชาติ ได้ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ส่วน นายธนภัสสร์ กับ นายกุลธัช จับได้ที่ห้องทำงานในเทศบาลตลุกดู่ ขณะที่ นายมานพ และ นายยิ่งยง ถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาเมืองอุทัยธานี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 6 แสนบาท
สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งประกอบกิจการรับเหมาทำบ่อน้ำประปารายหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดอุทัยธานีได้จัดทำโครงการก่อสร้างระบบท่อน้ำประปาในพื้นที่ ต.ตะลุกดู่ และ ต.หาดทะนง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการต่างๆได้ยื่นสิทธิ์ในการประมูลผ่านรูปแบบของ e–bidding หรือ วิธีประกวดราคาผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียหายจึงสนใจยื่นสิทธิ์เข้าร่วมการประมูลทั้ง 2 แห่ง
ทั้งนี้หลังจากยื่นสิทธิ์เข้าร่วมประมูลได้ไม่นาน ได้มีบุคคลปริศนาโทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนตัว อ้างว่ามีผู้ใหญ่อยากได้โครงการนี้ไปทำ พร้อมเสนอเงินหลายหมื่นบาท เป็นค่าชดเชยหรือค่าเสียเวลาให้ แต่ทางผู้เสียหายไม่สนใจ จึงตอบปฏิเสธกลับไป พร้อมกับยื่นประมูลตามเดิมจนชนะการประมูลได้รับงานทั้ง 2 โครงการถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากชนะการประมูลได้รับงานก่อสร้างทั้ง 2 โครงการแล้วนั้น ผู้เสียหายกลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากมีกลุ่มอิทธิพลมืดทำการล็อบบี้สั่งห้ามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แคมป์ปูนซีเมนต์ทุกแห่งในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ขายปูนหรืออุปกรณ์ที่ให้กับผู้เสียหาย จนเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการก่อสร้าง ไม่สามารถดำเนินงานจัดสร้างได้ตามแผนที่วางไว้
กระทั่งประมาณเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นายวีระชาติ ได้เรียกผู้เสียหายมาเข้าพบจำนวน 3 ครั้ง ก่อนยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหาย ยอมจ่ายเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการทั้ง 2 แห่งได้อย่างปกติ ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือ 6 แสนบาท โดยนัดหมายส่งมอบเงินกันในวันนี้ ที่บริเวณด้านหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขา อ.เมือง จ.อุทัย จึงวางแผนกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเมื่อถึงเวลานัดหมาย มีนายมานพ และ นายยิ่งยง เป็นผู้เดินทางมารับเงิน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำกำลังขยายผลตามจับกุมตัวนายวีระชาติ และ พวกอีก 2 ราย พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มผู้ต้องหาได้ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
สำหรับนายวีระชาติ นั้น เป็นลูกเขยของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นสามีของ น.ส.อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวคนที่ 4 ของ นายชาดา
ขณะที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์คดีนี้ ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2566 ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัฒิไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และชุดปฏิบัติการพิเศษ (หนุมาน) กองบังคับการปราบปราม และสำนักงาน ป.ป.ท. เข้าจับกุมตัว นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จังหวัดอุทัยธานี นายธนภัสร์ ดุลยาธิการ ปลัดเทศบาลตลุกดู่ นายกุลธัช สามัคคี เจ้าหน้าที่สังกัดกองช่าง เทศบาลตำบลตลุกดู่ และนายมานพ ติดติปานะ ตามหมายจับของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้เสียหายซึ่งเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลตลุกดู่ ในโครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาลขนาดใหญ่ ซึ่งปรากฏพยานหลักฐานในชั้นต้นว่าบุคคลตามหมายจับทั้งสี่รายได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย เป็นเงินจำนวน 600,000 บาท
ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าบุคคลทั้งสี่รายมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยแบ่งหน้าที่กันทำตั้งแต่ขั้นตอนที่ผู้เสียหายชนะการเสนอราคาและได้เข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลตลุกดู่ จนกระทั่งได้ดำเนินการตามสัญญารับจ้างแล้วเสร็จ โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าวันนี้ (24 ตุลาคม 2566 ) นายวีระชาติฯ ได้สั่งการให้ นายมานพฯ ไปรับเงินจากผู้เสียหายที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาเมืองอุทัยธานี เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกันวางแผนและเข้าจับกุม นายมานพฯ ได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมกับหลักฐานเป็นเงินสดจำนวน 600,000 บาท ซึ่งมีหมายเลขธนบัตรตรงกับที่เจ้าหน้าที่ได้ทำสำเนาเป็นหลักฐานไว้ก่อนแล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีกสามราย ได้แก่ นายวีระชาติฯ นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ นายธนภัสร์ฯ ปลัดเทศบาลตำบลตลุกดู่ และนายกุลธัชฯ เจ้าหน้าที่สังกัดกองช่าง เทศบาลตำบลตลุกดู่ และได้ตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลการสืบสวน เบื้องต้นได้ตรวจยึดเอกสาร อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐานในคดี และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่รายส่งให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีต่อไป