‘เศรษฐา’ แจงข้ามโลก ปมข่าวลือ ‘แสนสิริ’ เตรียมทำแอปฯรอ ‘ดิจิทัลวอลเลต’ อัดกลับคนปล่อยข่าวเอาชื่อบริษัทที่จะแฉมาเปิดเผยเลย ย้ำบริษัทลูกในเครือแสนสิริ 2 บริษัทที่ทำด้านคริปโตฯ ไม่มีทางเข้ามารับงาน ชี้เหตุที่ไม่เคยออกมาแถลงเกี่ยวกับนโยบายให้ชัดเจน เพราะอยากให้คณะกรรมการที่ตั้งไว้ทำงานและมีบทบาท ขณะที่การอพยพคนไทยจากอิสราเอล มียอดคนไทยขอกลับพุ่ง 8,000 คน ส่วนการบินอ้อมเพราะไม่มีสนธิสัญญา ด้านรมช.คลังเตรียมประชุมแบงก์รัฐแย้มชื่อผู้พัฒนาแอปฯ 19 ต.ค.นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 17 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เป็นตัวประกันในอิสราเอลว่า เมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางการไทยสามารถจัดเครื่องบินได้เพิ่มมากขึ้น สามารถนำคนไทยกลับมาได้เพิ่มอีก 600 คน แต่ยังไม่หยุดแค่นี้ รัฐบาลพยายามหาทางนำคนไทยกลับมาให้มากและเร็วกว่านี้
@คนไทยแสดงความจำนงกลับบ้าน 8 พันคน
ปัจจุบันมีคนไทยแสดงเจตจำนงที่จะเดินทางกลับเพิ่มมากขึ้นเกือบ 8,000 คน และที่สบายใจขึ้นคือไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มเติม และทางการไทยยังได้ทำงานร่วมกับหลายๆประเทศในการเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อให้ปล่อยตัวคนไทย ซึ่งรายละเอียดคงบอกไม่ได้ บอกได้แค่เพียงว่าเป็นทิศทางบวก และอีกเรื่องหนึ่งก่อนหน้านี้ ได้ระบุว่าทางการอิสราเอลระบุว่าในพื้นที่อันตรายสามารถนำคนไทยออกมาได้แล้ว 99% แต่ส่วนตัวเข้าใจว่ายังไม่ถึง ยังมีคนติดค้างอยู่บ้าง เราจึงมีความพยายามที่จะกดดัน และทำงานร่วมกันเพื่อนำคนออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามในการอพยพคนไทยถึงวันนี้เป็นไปด้วยดี
@บินอ้อมเพราะไม่มีสนธิสัญญา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 เรื่องที่ยังมีคนและสังคมเกิดข้อกังขา ถึงเครื่องบินที่บินไปรับคนไทย ยืนยันว่า รัฐบาลได้นำอาหาร น้ำดื่ม หรือแม้แต่บะหมี่สำเร็จรูปไปช่วยเหลือด้วย และอีกเรื่องหนึ่งบางสายการบินที่เราต้องบินอ้อมเพราะว่าเครื่องบินที่เราเช่าเหมาลำไม่มีสนธิสัญญาการบินข้ามน่านฟ้าระหว่างประเทศ ไม่ได้เกี่ยวว่าประเทศนั้นๆไม่ต้อนรับ จะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่าก็ไม่ได้ทำให้เป็นประเด็น เพียงแต่เราต้องการเครื่องบินมากกว่า
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเช่าเครื่องบินแอร์บัส 380 ซึ่งมีที่นั่งจำนวนมากเพื่อไปรับคนไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีความคืบหน้าโดยมีการติดต่อไป 2 สายการบิน คือสายการบินเอมิเรตส์กับกาตาร์แอร์ไลน์ ซึ่งเรามีความสัมพันธ์กันอยู่ซึ่งตอนนี้ก็พยายาม มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ต้องไปดูโลจิสติกส์ในด้านอื่นด้วย วันนี้ได้รับทราบความคืบหน้าว่าเริ่มต้นการเจรจา
@ปัดเอื้อ ‘แสนสิริ’ ทำแอปฯ รอดิจิทัลวอลเลต
ขณะที่กระแสข่าวว่ารัฐบาลจะจ้างบริษัทในเครือข่ายของนายกรัฐมนตรี จัดทำแอปพลิเคชั่นรองรับการแจกเงินดิจิทัล เป็นตัวเลขมากขึ้น 12,000 ล้านบาทนั้น นายเศรษฐากล่าวว่าว่า ยืนยันไม่มีเรื่องค่าคอมมิชชั่น ไม่มีการหักเบี้ยใบ้รายทาง หรือถูกหักเงิน 3% และไม่มีการจ้างเป็นหมื่นล้านบาทอย่างที่กล่าวหา แต่ตัวเลขน้อยมาก และไม่ใช่ประเด็นแน่นอน ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการจ้างบริษัทในเครือข่ายของนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้ระบุชื่อมาให้ชัด เพราะแสนสิริไม่ได้ทำแอปฯ แน่นอน ส่วนบริษัทเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPGX ) ที่เคยเป็นกรรมการอยู่ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ขอให้บันทึกว่า 2 บริษัทดังกล่าวไม่ได้เข้ามารับงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกล่าวหาลักษณะนี้เหมือนเป็นการจงใจมากเกินไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ไม่เป็นไร เพราะตัวเองก็เป็นบุคคลสาธารณะต้องพร้อมสำหรับการชี้แจงและตรวจสอบได้ มั่นในว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี ส่งผลกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม และให้ประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลมั่นใจในความโปร่งใสของนโยบายนี้
@ไม่ชี้แจง เพราะอยากให้ คกก. ทำงานก่อน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีความมั่นใจในข้อมูล แต่เหตุใดจึงไม่เลือกชี้แจงให้สังคมเข้าใจ นายเศรษฐา กล่าวว่า อยากให้คณะกรรมการศึกษาเงินดิจิทัลฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้ชำนาญการจากหลายฝ่าย มีข้าราชการระดับสูง ซึ่งเห็นตรงและเห็นต่างกันบ้าง มีข้อแนะนำต่างๆ ได้มีสิทธิ์พูด เพราะรัฐบาลมีคณะกรรมการกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วน ขอเวลาให้ได้ถกกันให้ดี ซึ่งต้องให้เกียรติกรรมการทุกคน ส่วนการชี้แจงอาจจะช้าก็น้อมรับ ซึ่งไม่อยากพูดอะไรเร็วเกินไป แต่หากมีประเด็นขึ้นมาตนก็พร้อมชี้แจง
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าหากทุกอย่างมีความพร้อม จะทำให้หมดสงสัย ยืนยันว่าทุกๆ ข้อสงสัย ทุกๆ คำแนะนำ จะถูกนำไปพิจารณาและปรับปรุงเพื่อให้เป็นนโยบายที่ดีที่สุด ปราศจากเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่วนความชัดเจนจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ประกาศเอาไว้
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
@แย้มชื่อแบงก์รัฐ-คลัง จะร่วมพัฒนา ‘ซุปเปอร์แอปฯ’ 19 ต.ค.นี้
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงข่าวลือการทำ “ซุปเปอร์แอปฯ" ในการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า เบื้องต้นการทำแอปพลิเคชันดังกล่าว จะเป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาช่วยเรื่องการพัฒนาระบบ โดยในส่วนค่าใช้จ่ายไม่มีตัวเลขอะไรที่น่าเป็นห่วง และขณะนี้กำลังคุยกันอยู่ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้จ่ายเงิน
อย่างไรก็ตามโครงการนี้เป็นการเติมเงิน 10,000 บาทโดยผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีเงื่อนไขใหม่ อาทิ ห้ามใช้เกี่ยวกับอบายมุข,การออมและการใช้หนี้ ซึ่งถือเป็นกลไกใหม่ในการช่วยเหลือประชาชนเพื่อผลักดันให้เม็ดเงินสู่ระบบ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้บริษัทผู้ดำเนินการจัดทำซุปเปอร์แอปฯแล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่บริษัท แต่เป็นธนาคารที่อยู่ในการกำกับของรัฐ เป็นผู้ดำเนินการโดยไม่ได้มีการจ้างบริษัทภายนอก พร้อมยืนยันว่าไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนธนาคารไหนจะเป็นผู้จะทำแอป ต้องให้ธนาคารในการกำกับดูแลของรัฐไปประชุมและมอบหมายกันเอง โดยจะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคมนีั ส่วนจะได้คำตอบหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งตัวเองไม่สามารถตอบได้
ผู้สื่อถามย้ำว่า จะไม่มีคนกลุ่มใดได้ประโยชน์จากการจะทำแอปพลิเคชั่นใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ไม่มี พร้อมยืนยันว่าเป็นโครงการที่โปร่งใสมาก และระบบบล็อกเชนก็มีความปลอดภัยมากที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดและการทุจริตได้ด้วย
@ตลกข่าวทำแอปใช้เงินหมื่นล้าน- ‘เป๋าตังค์’ ไม่ใช่เพราะฟังก์ชั่นไม่ครบ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าค่าจัดทำแอปฯ สูงถึง 12,000 ล้านบาทนั้น นายจุลพันธ์หัวเราะพร้อมปฏิเสธว่า ไม่มีทาง ฟังแล้วก็ยังตลกอยู่เลย ไม่มีแอปพลิเคชั่นไหนพัฒนาในราคานั้น เมื่อถามว่า การทำแอปฯ ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่นั้น ยังไม่กล้าตอบตัวเลขที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบไม่ได้มากอะไร
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ใช้แอปฯป๋าตัง นายจุลพันธ์ ระบุว่า แอปฯ เดิมเมื่อมาทำดิจิทัลวอลเล็ต ฟังชั่นจะเกิดความแตกต่างในระบบและวัตถุประสงค์ก็แตกต่าง เพราะของเรากำหนดในบล็อกเชนซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องมีความปลอดภัยและมีกลไกที่โปร่งใส
นอกจากนี้แอปฯ ในอดีตข้อมูลยังเป็นของรัฐแต่ตัวแอปพลิเคชั่นไม่ใช่ของรัฐ ดังนั้นการต่อยอดจึงมีข้อจำกัด แต่แอปใหม่จะดึงข้อมูลของรัฐที่เป็นประโยชน์มาใช้ อย่างเช่น ฐานข้อมูล และโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีการลงทะเบียนแต่จะให้มีการยืนยันตัวตน เพราะมีข้อกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้
เมื่อถามถึงแหล่งที่มาของเงินทั้งหมดที่รัฐใช่งบ 5.6 แสนล้านบาท จะสามารถใช้เงินนอกงบประมาณที่มีอยู่ 4.8 ล้านล้านบาท ตามที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ แกนนำพรรคเพื่อไทยระบุไว้หรือไม่ รมช.คลัง กล่าวว่า อันนี้ไม่รู้ ไม่ทราบไม่ได้ฟังเขาพูด จึงไม่กล้าตอบ
@ไม่หวั่นคนฟ้องล้ม
ส่วนที่ขณะนี้มีกระแสข่าวการเตรียมฟ้องร้องโครงการดังกล่าว นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ใครมีสิทธิ์ดำเนินการตามช่องทางทางกฏหมายก็สามารถดำเนินการได้ อย่างเช่น ป.ป.ช. ก็ตั้งคณะกรรมการติดตาม ตนก็ยอมรับว่าถือเป็นสิ่งดีมากเพราะมีหน่วยงานรัฐมาช่วยดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และตนก็พร้อมเสนอตัวไปคุยกับ ป.ป.ช.เอง เพื่อชี้แจงให้คลายกังวลและขณะเดียวกันก็รับข้อสังเกตมาปรับปรุง เพื่อให้โครงการเดินหน้าและไม่เสียวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์จะซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายจุลพันธ์ระบุว่า คนละเรื่อง ไม่เหมือนกันเลย อันนี้เป็นกลไกที่เราจะกระตุ้นในเรื่องเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งเรื่องนี้ตนยังหาโหว่ไม่ได้เลยตรงไหนอย่างไร
ทั้งนี้มีกระแสข่าวจะมีการเก็บค่าแลกเงินร้านค้าในการแลกเงินเข้าและออกจำนวน 3% นั้น รมช.คลัง ระบุว่า อันนี้คิดไปเอง ไม่มี เพราะไม่ใช่คริปโต เพราะโครงการนี้เป็นการเติมเงิน 10,000 บาทเข้าไปในกระเป๋าเงินดิจิทัล และยืนยันว่าประชาชนจะได้เงิน 10,000 บาทเต็มๆ ไม่มีหัก รวมถึงไม่มีการจัดเก็บเงินเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าโครงการดังกล่าวไม่มีทางทำไม่ได้ ต้องทำได้แน่นอน
อ่านประกอบ