‘ชวน หลีกภัย’ อภิปรายนโยบายรัฐบาล พาย้อนบาป 5 นายกฯ แนะ ‘เศรษฐา’ อย่าโกง อย่าเลือกปฏิบัติ พร้อมจี้แก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนใต้ รื้อความหลังการละเมิดหลักนิติธรรมใหญ่เกิดจากฝ่ายบริหารพิจารณาฆ่าคนร้ายไม่รอฝ่ายตุลาการ ด้านนายกฯใหม่น้อมรับ ยันไม่เลือกปฏิบัติ ก่อนแย้มเตรียมลงใต้อีกรอบ ผุดสนามบินอันดามันครอบคลุม 4 จังหวัด แม้ไม่มี สส.ในรัฐบาลสักคน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 กันยายน 2566 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ วาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 วันที่ 2
เวลาประมาณ 17.09 น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นอภิปรายว่า คุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไม่ได้ด้อยไปกว่านายกรัฐมนตรีในอดีตของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย แต่มีข้อเสนอแนะคือ อย่าทำอะไรก็ตามที่ล้ำเส้น ทำให้ต้องติดคุก หนีไปต่างประเทศ หรือทำอะไรก็ตามที่มีปัญหาเมื่อพ้นจากตำแหน่ง วันนี้ยังวัดไม่ได้ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ มิอาจทราบได้ แต่สิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองตรวจสอบมาโดยตลอด นายเศรษฐาสามารถชี้แจงได้เอง
@ยกชะตากรรมผู้นำ พท. แนะอย่าโกง
ในบรรดานายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ของพรรคการเมืองนี้ มี 1 คน เสียชีวิตไประหว่างรอคำพิพากษา และท้ายที่สุดศาลพิพากษายึดทรัพย์ อีก 2 คนถูกคดีอาญาต้องหนีไปต่างประเทศ ส่วนนายกรัฐมนตรีที่ 30 จะเจอชะตากรรมอย่างไร ก็อยู่ที่การปฏิบัติตัว วันนี้ยังไม่อาจวัดกันได้ ดังนั้น การตรวจสอบความเป็นไปได้ของนโยบายที่รัฐบาลได้ให้คำแถลงไว้จึงสำคัญ
ดังนั้น สิ่งที่จะแนะนำไม่ให้ถูกชะตากรรมเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ คือต้องไม่โกง อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลว่านักธุรกิจมาทำการเมืองจะมีปัญหาหรือไม่? เพราะในอดีตมีนักธุรกิจทำธุรกิจการเมือง และทำการเมืองเป็นธุรกิจ ทำให้ความไว้วางใจนักการเมืองลดต่ำลง ในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจเสรีอย่างไทย ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองไปไำกลมาก สำคัญที่สุดคือ นักธุรกิจ จะมาทำการเมืองไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นประโยชน์ด้วยซ้ำ แต่ขออย่างเดียว อย่าทำธุรกิจเป็นการเมือง คืออย่าผลประโยชน์ทั้งในทางส่วนตัว ส่วนพวก มาเกี่ยวข้อง ถ้าทำ ไม่เพียงกระทบส่วนรวมของบ้านเมืองเท่านั้น แต่เพื่อนๆนักการเมืองที่ติดคุกมา 10 คน เจอชะตากรรมนี้ เพราะทำธุรกิจเป็นการเมือง บทเรียนนี้มีค่ายิ่งสำหรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
นายชวนกล่าวอีกว่า ในอดีตพรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเคยมีแนวนโยบาย “จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้ต้องดูแลเป็นพิเศษ จังหวัดไหนที่ไว้วางใจน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง” ที่ย้ำเพราะว่าเป็นโอกาสอันดี เมื่อได้นายกรัฐมนตรีคนนี้เข้ามา อย่างน้อยที่สุด ท่านน่าจะมีความเข้าใจบาปบุญคุณโทษ นายกรัฐมนตรีมาจากครอบครัวที่ดีงาม คงรู้ว่าคนที่ถูกเอาเปรียบ เลือกปฏิบัตินั้น นอกจากจะขัดหลักการประชาธิปไตยแล้ว ยังไม่ควรมองข้ามละเลยไป จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนเหตุการณ์ตามจริง ชดเชยความเสียหายจากการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเรียกร้องมาตั้งแต่สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว และได้รับการปฏิบัติที่ดีบ้าง ผิดกับสมัยที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แม้จะรับปากและลงมาดูพื้นที่ภาคใต้ แต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร เพราะมีบางรัฐมนตรีคัดค้านไม่ต้องไปซ่อมถนนพื้นที่ภาคใต้
“หลังสุด ผมทำหนังสือและบอกกล่าวถึงท่านพล.อ.ประยุทธ์ว่า น่าจะชดเชยด้วยการทำถนนสายหนึ่งให้ถภาคใต้ แต่เวลาผ่านไป ท่านนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ไปหาเสียงที่ภูเก็ตว่า ถ้าได้กลับมาจะทำถนนสายใหม่คู่ทางหลวงหมายเลข 4 สุดท้ายท่านไม่มีโอกาสได้กลับมา ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงควรจะเกิดเพื่อชดเชย ผมขอกราบเรียนด้วยความเคารพ ขอท่านนายกรัฐมนตรี กรุณาศึกษาความเป็นจริง ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด แล้วหาทางแก้ไข ดังที่ท่านประกาศจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย” นายชวนกล่าวตอนหนึ่ง
@ทวงถามนโยบายแก้ไฟใต้
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อว่า ประเด็นต่อมา ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้เสียชีวิตรวม 7,520 คน นับจากปี 2547-2566 ข่าวการสังหารตำรวจที่จ.นครปฐม ทำคนตื่นทั้งประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า วันที่นายกรัฐมนตรีได้รับโปรดเกล้าฯ มีข่าวตำรวจเสียชีวิต 4 คนที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จึงอยากทราบว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ซึ่งทั้ง 14 หน้าไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2548 ที่ไม่มีการพูดถึงนโยบายนี้ แต่ไปใส่ในภาคผนวกแทน แถมเป็นถ้อยคำในยุทธศาสตร์ชาติอีกต่างหาก
ขอเรียนนายกรัฐมนตรี ความสูญเสียแม้ 1 ชีวิตก็ยิ่งใหญ่ และแม้นายกรัฐมนตรีจะย้ำเรื่องหลักนิติธรรมหลายจุดในคำแถลงนโยบาย แต่ไม่มีความอบอุ่นว่า จะแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างไร? และที่ผ่านมารัฐบาลในปี 2544 ได้เริ่มต้นละเมิดหลักนิติธรรม โดยมีการกล่าวว่า “ถ้าคนร้ายมี 20 คน จัดการคนร้ายเดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด” ซึ่งในช่วงนั้น ได้ไปงานราชการในพื้นที่้ มีโอกาสคุยกับนายนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สว. ได้ลงตลาดโต้รุ่ง ชาวบ้านร้องเรียนมีการยิงกัน ไปดูก็พบศพ 3 ศพ ทำให้เห็นว่า กระบวนการละเมิดหลักนิติธรรมนี้เกิดขึ้นแล้ว กลุ่ม RKK เกิดขึ้น นำมาสู่เหตุการณ์ปล้นค่ายค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547
“การที่ฝ่ายบริหารตัดสินเองแทนศาล ด้วยการสั่งจัดการเดือนละ 10 คน เป็นที่มาที่ทำให้ต้องแก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 3 วรรคสอง สำคัญที่สุดผลพวงยังเกิดขึ้นอยู่ ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีตั้งใจแก้ปัญหา จริงอยู่เราประเมินตัวเลขไม่ได้ แต่ต้องพยายามทำให้ได้ และคำแนะนำที่ดีที่สุดในยามที่วิกฤตเกิดขึ้นคือ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่าให้รัฐบาลเป็นฝ่ายตัดสิน ตายซะเดือนละ 10 คน อันเป็นที่มาของการละเมิดหลักนิติธรรมที่ท่านเขียนไว้หลายๆตอน ซึ่งดีใจท ี่เขียนไว้ แต่วิตกจะแก้ปัญหาไม่ได้จนมีผลมาทุกวันนี้” นายชวนกล่าว
@น้อมรับแก้ปัญหาไฟใต้
เมื่อนายชวนอภิปรายอภิปรายจบ นายเศรษฐาลุกขึ้นชี้แจงว่า ขอน้อมรับคำติชม คำแนะนำ และข้อควรระวังที่ได้พูด และถึงแม้ตนจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่ยืนยันว่า การมาอยู่ตรงนี้ เพราะรักประเทศชาติและมีความต้องการเห็นประชาชนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การเข้ามายืนตรงนี้ มีความตั้งใจ มาด้วยใจที่เปิดกว้าง ความตั้งใจที่จะทำประโญชน์ให้ประเทศชาติ เข้าใจว่าตัวเองก็มีความรู้พอสมควร ที่ได้กล่าวถึงตัวเลขผู้เสียชีวิต 7,500 คน เป็นเรื่องที่เศร้าใจตลอดตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สนามการเมือง
“เราเข้าใจตรงกันว่า การสูญเสียไม่ควรเกิดขึ้น แต่วิธีการและความเข้าใจปัญหา และวิธีการที่จะทำในอนาคตจะต่างกัน ผมมั่นใจว่า พรรคร่วมทั้ง 11 พรรค ให้ความสำคัญกับความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเลือกปฏิบัติก็เป็นข้อถกเถียงมานาน และคงไม่เถียงกับท่าน แต่ขอน้อมรับข้อความ่ี่พูดมา แต่มีข้อมูลของผมเหมือนกัน ตอนเกิดสึนามิ นายกฯทักษิณก็เข้าไปดูแลพื้นที่ พี่น้องชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงอย่างเต็มความสามารถเท่าที่ทำได้“ นายเศรษฐากล่าว
@เตรียมปั้นสนามบินอันดามัน แม้คนไม่เลือก สส.จากรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า การเลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ใดโดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่บังควร ในฐานะที่เป็นรัฐบาลจากประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะมี สส.จากภาคใต้หรือไม่ เป็นความตั้งใจสูงสุดในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องให้ความเป็นธรรม ความเสมอภาค และเท่าเทียมต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งจังหวัดแรกที่ตนลงไปหลังได้เป็นนายกรัฐมนตรีคือ คือ จ.ภูเก็ต แม้จะไม่มี สส.จากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมเลยสักคนเดียว เพราะส่วนตัวให้ความสำคัญกับจังหวัดนี้และภาคใต้ และการกระทำเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าคำพูดว่า รัฐบาลนี้จะบริหารราชการอย่างไร อีก 2 สัปดาห์จะลงไปตามงานอีก ในด้านโครงสร้างพื้นฐานในความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต โดยจะใช้ชื่อใหม่ว่า สนามบินอันดามัน ให้ครอบคลุม จ.พังงา กระบี่ และระนอง ซึ่งทั้ง 4 จังหวัดนี้ไม่มี สส.ของพรรคเพื่อไทยแม้แต่คนเดียว
“ขอยืนยันครับว่า การมาดำรงตำแหน่งนี้ ที่นี่ วันนี้ เจตนารมณ์ของผมชัดเจนว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำพารัฐบาลที่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคนครับ ขอบคุณครับ” นายเศรษฐาทิ้งท้าย