ประธาน ป.ป.ช. แจงคดีค้าง 'ทักษิณ' ให้เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าติดขัดตรงไหนก็ต้องเร่งรัด เพราะตอนนี้มีตัวชี้วัด ส่วนจะไปสอบปากคำถึง รพ.ตำรวจหรือไม่ ต้องให้พนักงานไต่สวนตัดสินใจ ย้ำต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้สรุปคดีที่ยังค้างอยู่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งที่อยู่ในสารบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และในสารบบอัยการและศาล
โดยปัจจุบัน นายทักษิณไม่มีไม่มีคดีค้างที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องฟ้องร้องศาลอีกแล้ว
อย่างไรก็ดี นายทักษิณ ยังมีคดีกล่าวหาที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.อีก 2 คดี ได้แก่
1. คดี นายทักษิณ ถูกร้องเรียนกล่าวหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามแร่เถื่อน โดยถูกร้องเรียนกล่าวหาพร้อมกับพวก กรณีลงพื้นที่ตรวจสอบลักลอบการทำเหมืองแร่ดีบุก จ.พังงา ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ยังไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน
2. คดีกล่าวหา นายทักษิณ กับพวก อนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.สนับสนุนบริษัท แอร์เอเชีย จำกัด (มหาชน) เมื่อครั้งกลุ่มชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ 51% เข้ามาทำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ และมีการแก้ไขข้อบังคับหลายกรณี ซึ่งในบอร์ด ทอท.ขณะนั้นมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ เป็นบอร์ดรวมอยู่ด้วย ปัจจุบัน ป.ป.ช.มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้แล้ว อยู่ระหว่างสรุปข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการ
ล่าสุด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราถึงคดีที่ยังค้างอยู่ของนายทักษิณ ว่า เรื่องที่อยู่ระหว่างกระบวนการ ป.ป.ช.ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน โดยต้องดูว่ามันติดขัดอะไร ก็ต้องเร่งรัดให้มันชัดเจน ตอนนี้ ป.ป.ช.มีคดีพอสมควร ทุกอย่างเราดูในเรื่องกรอบระยะเวลาอยู่แล้วในทุกเรื่อง เช่นว่าเรื่องเกิดเมื่อไร เราดำเนินการไต่สวนเมื่อไร เพราะตอนนี้มีตัวชี้วัดหมด ระยะเวลาการไต่สวนที่ต้องดำเนินการ ซึ่งเราก็จะต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
“ก็ต้องดูในเรื่องของความสัมพันธ์กับผลกระทบด้วย ตอนนี้ก็ได้มอบหมายให้ท่านเลขา (นายนิวัติไชย เกษมมงคล) ให้ไปดูในเรื่องที่เกี่ยวข้องแล้วว่าเราจะเร่งรัดได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ความเป็นธรรมในทุกเรื่อง” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
เมื่อถามต่อว่าตอนนี้นายทักษิณกลับมาที่ประเทศไทยแล้ว ป.ป.ช.จะต้องไปสอบปากคำนายทักษิณ ณ โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่านั่นเป็นรายละเอียดในทางคดี ตรงนี้ตอบไม่ได้ ในการตรวจสอบ ไต่สวน พนักงานไต่สวนที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบเขาก็จะดูว่าจำเป็นที่จะต้องอาศัยเป็นหลักฐาน จะต้องมีการสอบปากคำหรือไม่ อันนี้เป็นรายละเอียด ต้องขึ้นอยู่กับผู้รับผิดชอบสำนวน ผู้บังคับบัญชา ผู้อำนวยการสำนัก รองผู้ช่วย ก็จะตัดสินอย่างไร ซึ่งนี่เป็นกระบวนการที่ทำในทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
“นี่เป็นหลักทั่วไปในทุกเรื่อง ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไปสอบปากคำใครหรือไม่ ที่นี่เป็นหน่วยงานอิสระ หน่วยงานกลาง เราให้ความเป็นธรรมกับทุกคน” ประธาน ป.ป.ช.กล่าว
ขณะที่นายนิวัติไชยกล่าวว่าจำได้ว่าใน ป.ป.ช.มีคดีของนายทักษิณที่ยังค้างอยู่ แต่ขอกลับไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน