"....มีอยู่ 1 คดี ที่อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งฟ้องไปแล้ว คือ การกระทำความผิดตามกฎหมายมาตรา 112 และเป็นความผิดนอกราชอาญาจักร ซึ่งเป็นกรณีในช่วงปี 2558 ที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สั่งให้เจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญ ไปแจ้งความเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศเกาหลีใต้ และพูดพาดพิงสถาบันฯ และได้มีการออกหมายจับนายทักษิณไปแล้ว ..."
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องโทษจำคุก อีก 1 ปี ไม่มีลดหย่อนโทษอีกแล้ว เพราะเป็นพระราชอำนาจเด็ดขาดแล้ว
คือ คำชี้แจงของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กรณีเว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร จากโทษจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี
นายวิษณุ ยืนยันชัดเจนว่า เมื่อมีพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะดำเนินการตามปกติเหมือนกับนักโทษทั่วไป คือเมื่อนายทักษิณ หายป่วยแล้ว ก็จะกลับเข้าเรือนจำ แต่ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้น ก็จะต้องรักษาตัวต่อไป
"เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็ถือว่ามีผลบังคับใช้ได้ทันที ตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมา ซึ่งนายทักษิณ ไม่สามารถที่จะขอพระราชทานอภัยโทษได้อีก เพราะเป็นพระมหากรุณาธิคุณลงมาแล้ว" นายวิษณุระบุ
ก่อนที่ในเวลาต่อมา นายวิษณุ จะชี้แจงต่อสาธารณชนอีกครั้งว่า ไม่เคยให้ความเห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถลดหย่อนโทษได้อีก จากที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ จาก 8 ปี เป็น 1 ปี เพียงแต่ให้ความเห็นว่า ถือเป็นพระราชอำนาจเด็ดขาดเท่านั้น ซึ่งกรณีของ นายทักษิณ ถือว่า เป็นนักโทษที่ถูกจำคุก 1 ปี ซึ่งนักโทษจำคุก 1 ปี คนอื่นได้รับสิทธิประโยชน์อย่างไร นายทักษิณ ก็จะได้รับสิทธิเช่นนั้น รวมถึงการได้รับการลดหย่อนโทษเมื่อถึงเวลาลดหย่อนทั่วประเทศ ถ้ามีการลดกันก็จะได้สิทธิเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ
“ยังลดโทษได้อีก แต่จะลดมั้ยไม่รู้ บางคนคาดหมายว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ วันพ่อแห่งชาติ อาจลดได้อีก” นายวิษณุ กล่าว
สำหรับ โทษจำคุก 8 ปี ดังกล่าว เป็นผลมาจากคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี คือ
1. คดีที่ 1. คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี (คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท )
2. คดีที่ 2. คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 10/2552 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี (คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน) ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี
และคดีที่ 3. คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี (คดีให้นอมินีถือหุ้น‘ชินคอร์ปฯ’-เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม )
รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี
- กราบพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10! 'ทักษิณ' กลับถึงไทยแล้ว เครื่องบินลงจอด 09.08 น.
- หลังส่งตัว'ทักษิณ'! ศาลฎีกาฯ ยืนยันตัวจำเลย บังคับโทษ 3 คดี รวมติดคุก 8 ปี (3+5)
- ส่งตัว 'ทักษิณ' เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แยกขังเดี่ยวแดน 7 จัดจนท.เฝ้าระวัง 24 ชม.
- ไม่ได้อยู่ห้อง VIP-แอร์เสีย! อาการล่าสุด 'ทักษิณ' ดีขึ้นเล็กน้อย - งดเยี่ยมทุกกรณี
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาอภัย ลดโทษให้ 'ทักษิณ' เหลือจำคุกต่อไปอีก 1ปี
อย่างไรก็ดี หลังได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ เหลือจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ดังกล่าว
มีคำถามสำคัญเกิดขึ้นว่า ปัจจุบัน นายทักษิณ ชินวัตร ยังมีคดีอาญาเหลือค้างที่อาจเป็นมูลเหตุให้ต้องได้รับโทษจำคุกเหลืออยู่นอกจาก 3 คดี อีกหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอ ณ ที่นี้
คดีความในสารบบ ป.ป.ช.
จากการสืบค้นข้อมูลคดีค้างของนายทักษิณ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศรา รวบรวมไว้แล้ว พบว่ามี จำนวน 8 คดี ดังนี้
1. คดีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (ขณะนั้น) ซื้อที่ดินรัชดาจำนวน 33 ไร่ 78 ตารางวา ราคา 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2551 ขณะที่นายทักษิณ ได้หลบหนีออกไปใช้ชีวิตนอกประเทศ ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษา (หมดอายุความ)
2. คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน ศาลพิพากษาว่า นายทักษิณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
3. คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4 พันล้านบาท ศาลพิพากษาว่า นายทักษิณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) ลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา
4. คดีให้นอมินีถือหุ้น‘ชินคอร์ปฯ’-เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม ศาลพิพากษาว่า นายทักษิณ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 3 ปี รวมเป็นจำคุก 5 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับจำเลยมาเพื่อบังคับตามคำพิพากษาแล้ว
5. คดีสั่งกระทรวงการคลังบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ศาลยกฟ้อง
6. คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานครโดยทุจริตเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท ศาลยกฟ้อง
7. คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อีก 4 สัญญาสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (คดีข้าวจีทูจีล็อตสอง) โดย ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหานายทักษิณเพิ่มเติม โดยกล่าวหาว่านายทักษิณ มีบทบาทและอยู่เบื้องหลังในการสั่งการให้มีโครงการระบายข้าวจีทูจี โดยอ้างหลักฐานเป็นการสนทนาผ่านวีดีโอลิงก์ ที่โรงแรม เอส.ซี.ปาร์ค ถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา ระหว่างนายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรง โดยนายทักษิณ สั่งให้แต่งตั้ง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ (จำเลยคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก ปัจจุบันหลบหนี) เป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง) และสั่งการชัดเจนว่า ให้ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ดูแลเรื่องการระบายข้าว
8. คดีการอนุมัติการสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 จำนวน 4 ลำ เมื่อปี 2545-2547 และปี 2554 อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบิน จำนวน 75 ลำ ไม่คุ้มค่า ทำให้การบินไทยมีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 และคดีอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 จำนวน 4 ลำ เมื่อปี 2545-2547 และปี 2554 อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบิน จำนวน 75 ลำ ล่าสุดนายทักษิณ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหาไปแล้ว
เท่ากับ ปัจจุบันนายทักษิณ ไม่มีคดีค้างที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องฟ้องร้องศาลอีกแล้ว
อย่างไรก็ดี นายทักษิณ ยังมีคดีกล่าวหาที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.อีก 2 คดี ได้แก่
1. คดี นายทักษิณ ถูกร้องเรียนกล่าวหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามแร่เถื่อน โดยถูกร้องเรียนกล่าวหาพร้อมกับพวก กรณีลงพื้นที่ตรวจสอบลักลอบการทำเหมืองแร่ดีบุก จ.พังงา ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ยังไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน
2. คดีกล่าวหา นายทักษิณ กับพวก อนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.สนับสนุนบริษัท แอร์เอเชีย จำกัด (มหาชน) เมื่อครั้งกลุ่มชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ 51% เข้ามาทำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ และมีการแก้ไขข้อบังคับหลายกรณี ซึ่งในบอร์ด ทอท.ขณะนั้นมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ เป็นบอร์ดรวมอยู่ด้วย ปัจจุบัน ป.ป.ช.มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้แล้ว อยู่ระหว่างสรุปข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการ แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
คดีความในสารบบอัยการและศาล
เมื่อสืบค้นข้อมูลในฐานข้อมูลคดีของอัยการและศาลต่างๆ เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่หน่วยงานตรวจสอบต่าง ๆ มีการส่งสำนวนเข้ามาเพื่อให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาสำนวนฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
พบว่า ตั้งแต่ปี 2549 ถึง ปัจจุบัน มีอยู่จำนวน 31 คดี
โดยในจำนวน 31 คดี นี้ ส่วนใหญ่เป็นข้อหาหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ รองลงมาเป็นข้อหาเกี่ยวกับทุจริตประพฤติมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ (หลายคดีนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสอบสวนของ ป.ป.ช.ตามที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว)
แต่มี 1 คดีเป็นเรื่อง ขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด คาดว่าเป็นกรณีขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่ใส่หมวกกันน็อกเยี่ยมชาวบ้านในพื้นที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อปี 2549
ภาพจาก https://mgronline.com
สำหรับสถานะทางคดีนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ในจำนวนนี้ 31 คดีนี้ มี 21 คดี ที่ถูกระบุว่าเป็นสำนวนที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหา และ มีจำนวน 9 คดี ที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนคดีที่เหลือมีทั้งส่งสำนวนกลับคืน และศาลมีคำพิพากษาตัดสินคดีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในสำนวนคดีที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหานั้น มีอยู่ 1 คดี ที่อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งฟ้องไปแล้ว คือ การกระทำความผิดตามกฎหมายมาตรา 112 และเป็นความผิดนอกราชอาญาจักร ซึ่งเป็นกรณีในช่วงปี 2558 ที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สั่งให้เจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญ ไปแจ้งความเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศเกาหลีใต้ และพูดพาดพิงสถาบันฯ และได้มีการออกหมายจับนายทักษิณไปแล้ว
สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดีนี้ต่อไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะต้องไปอายัดตัวนายทักษิณ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ และแจ้งข้อกล่าวให้ทราบ จากนั้นทำการสอบปาก และส่งสำนวนไปให้อัยการสูงสุด (อสส.) อีกครั้ง ซึ่งถ้าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องจะทำสำนวนส่งให้ศาลพิจารณา ถ้าศาลรับฟ้อง ก็จะต้องมีการเบิกตัวนายทักษิณ มาขึ้นศาลอีกครั้ง (ดูตาราง 31 คดี)
เหล่านี้ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสารบบคดีความการกระทำความผิดของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งในส่วนที่จบสิ้นไปแล้ว และยังค้างคาอยู่ ซึ่งในส่วนคดีที่ยังค้างคาอยู่คงต้องรอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อ
ผลเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกัน แบบห้ามกระพริบตาโดยเด็ดขาด