ป.ป.ช.จังหวัดพัทลุง เผยแพร่มติชี้มูลความผิดอาญา 'อาทร นุ่มนวล' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลมะกอกเหนือ พัทลุง-พวก ทุจริตจัดเก็บรายได้โรงฆ่าสัตว์ ภรรยาโดนด้วยฐานผู้สนับสนุนมีส่วนได้เสีย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพัทลุง ได้เผยแพร่ผลงานด้านการปราบปรามการทุจริต กรณีกล่าวหา นายอาทร นุ่มนวล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลมะกอกเหนืออำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กับพวก ทุจริตในการจัดเก็บรายได้โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ ซึ่งถูกชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 , 152 และ 157
คดีนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดพัทลุง ระบุพฤติการณ์ในการกระทำความผิด จากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินโดยสำนักตรวจสอบพิเศษ ภาค 14 ได้ตรวจสอบการจัดเก็บรายได้โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พบว่า นายอาทร นุ่มนวล โดยการสนับสนุนของนางตรีชฎา นุ่มนวล (ภรรยา) มีส่วนได้เสียในกิจการโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ ในการเป็นผู้รับเงินค่าใช้บริการโรงฆ่าสัตว์ โดยมีพฤติการณ์ให้ผู้สนับสนุนจำนวน 7 ราย เปิดบัญชีพร้อมทำบัตรกดเงิน (ATM) และนำมามอบให้นายอาทรฯ เพื่อรับการโอนเงินค่าบริการโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งนายอาทรฯ เป็นผู้บริหารย่อมต้องรู้และเข้าใจว่าการรับค่าบริการเป็นหน้าที่ของกองคลัง มิใช่หน้าที่ของนายกเทศมนตรีเป็นลักษณะมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาล
คณะกรรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายอาทร นุ่มนวล มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 มาตรา 152 และ มาตรา 157
ส่วน นางตรีชฎา นุ่มนวล นายจิระ อักษรทอง นายสมทรง นุ่นสงนางสาวสุภาพร รอดหนู นายสุวิทย์ สุวรรณเรืองศรี นางสาวรัตนภรณ์ชูเอียด และนางสาวบุรินทร์ญา ตุ้มชู เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด