
"...เท่ากับว่า นายพิชัย ละแมนชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 คดี คดีแรก โดยโทษจำคุก 2 ปี รับสารภาพลดเหลือ 1 ปี , คดีสอง จำคุก 500 ปี รับสารภาพลดเหลือ 250 ปี แต่เมื่อรวมทุกกระทง แล้วจำคุก 50 ปี ได้รอลงอาญาโทษจำคุก ทั้ง 2 คดี ..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายพิชัย ละแมนชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ และนายสมพงศ์ แสงทอง ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาตัดสินลงโทษในคดีช่วยเหลือข้าราชการที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับทุนในโครงการเครือข่ายเชิงกลยุทธ์เพื่อการผลิตและพัฒนาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ประจำปี 2549 และโครงการเครือข่ายเชิงกลยุทธ์เพื่อการผลิตและพัฒนาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ปี 2550 ให้ได้รับทุนโครงการดังกล่าว
โดยศาลฯ มีคำพิพากษาว่า นายพิชัย ละแมนชัย จำเลยที่ 1 นายสมพงศ์ แสงทอง จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฏหมาย
ให้ลงโทษ นายพิชัย ละแมนชัย จำเลยที่ 1 จำคุก 500 ปี และปรับ 1,000,000 บาท ส่วนนายสมพงศ์ แสงทอง จำเลยที่ 2 จำคุก 80 ปี และปรับ 160,000 บาท
จำเลยทั้งสองรับสารภาพ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 1 คงจำคุก 250 ปี แต่เมื่อรวมทุกกระทง แล้วจำคุก 50 ปี และคงปรับ 500,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุกรวม 40 ปี และคงปรับ 80,000 บาท
เบื้องต้น จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหาย ปัจจุบันมีอายุมาก เคยทำหน้าที่ครูสอนนักเรียนนักศึกษาหลายปี ถือเป็นบุคคลที่มีคุณงามความดี สร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม ให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี

ต่อไปนี้ เป็นที่มาที่ไปคดีนี้ และผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ให้รอลงอาญา โทษจำคุก 500 ปี รับสารภาพลดเหลือ 250 ปี ติดจริง 50 ปี ที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลการสอบสวนคดีของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
มีรายละเอียดดังนี้
คดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายพิชัย ละแมนชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ และนายสมพงศ์ แสงทอง เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 ระบุฐานข้อมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ประกอบมาตรา 91 พร้อมส่งสำนวนไต่สวน พยานเอกสาร หลักฐาน ไปให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ต่อมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายพิชัย ละแมนชัย จำเลยที่ 1 นายสมพงศ์ แสงทอง จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม มาตรา 151 (เดิม)
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
จำเลยที่ 1 จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 100 กระทง เป็นจำคุก 500 ปี และปรับ 1,000,000 บาท
จำเลยที่ 2 จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 80 ปี และปรับ 160,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กระทง ละกึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 1 คงจำคุก 250 ปี แต่เมื่อรวมทุกกระทง แล้วจำคุก 50 ปี และคงปรับ 500,000 บาท
จำเลยที่ 2 คงจำคุกรวม 40 ปี และคงปรับ 80,000 บาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า หลังเกิดเหตุมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายตามคำสั่งมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
โดยจำเลยทั้งสองชำระเงินดังกล่าวครบแล้ว และจำเลยทั้งสองวางเงินศาลเป็นค่าบรรเทาความเสียหายคนละ 50,000 บาท
เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดประกอบกับปัจจุบันจำเลยที่ 1 อายุ 73 ปี ส่วน จำเลยที่ 2 อายุ 82 ปี
จำเลยทั้งสองเคยทำหน้าที่ครูสอนนักเรียนนักศึกษา เป็นเวลานานหลายปีถือเป็นบุคคลที่มีคุณงามความดีสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้ง
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบตามความเห็นของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา

กล่าวสำหรับ นายพิชัย ละแมนชัย เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ระหว่างปี พ.ศ.2548–2552
ขณะที่ก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 5,000 บาท แต่ได้รอลงอาญา กรณีสรรหาและแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิโดยมิชอบ
โดยคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายพิชัย ละแมนชัย จำเลย มีความผิดตามาตรา 157 จำคุก 2 ปี และปรับ 10,000 บาท
จำเลย ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี และปรับ 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3

เท่ากับว่า นายพิชัย ละแมนชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 คดี คดีแรก โดยโทษจำคุก 2 ปี รับสารภาพลดเหลือ 1 ปี , คดีสอง จำคุก 500 ปี รับสารภาพลดเหลือ 250 ปี แต่เมื่อรวมทุกกระทง แล้วจำคุก 50 ปี
ได้รอลงอาญาโทษจำคุก ทั้ง 2 คดี
ป.ป.ช.เห็นชอบตามอสส. ไม่อุทธรณ์สู้ต่อทั้ง 2 คดีเช่นกัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา