ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'พินิจ ไตรสโมสร' อดีตนายก อบต.บางประแดง อยุธยา ใช้อำนาจบังคับพนักงานจ้างลาออกราชการโดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษ จำคุก 2 ปี 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ชี้ไม่ใส่ใจคุณธรรม ทำลายขรก.ใต้บังคับบัญชา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพินิจ ไตรสโมสร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางประแดง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้อำนาจบังคับให้พนักงานจ้างตามภารกิจของ อบต.บางประแดง ลาออกจากราชการโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายพินิจ ไตรสโมสร จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157(เดิม) พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
จำเลยกระทำความผิดโดยใช้อำนาจบาตรใหญ่และเป็นการทำลายข้าราชการใต้บังคับบัญชาโดยไม่ใส่ใจต่อคุณธรรม ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธสู้คดีมาโดยตลอด ไม่รู้สำนึกในการกระทำความผิดของตน
ลงโทษ จำคุก 2 ปี 16 เดือน
พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้จำเลย
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นพ้องด้วยในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง