ดีเอสไอ จับมือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าสอบสวนคดีชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มกระบี่ต่อเนื่อง หลังพบผู้มีส่วนได้เสีย 5 หมื่นราย เกี่ยวพันผลกระทบความเสียหายเกษตรกรเพียบ ด้านหัวหน้าทีมสอบ 'ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร' เข้าดูแลอำนวยความสะดวกพยานเต็มที่ ยันดำเนินการตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม ผู้กระทำความผิดต้องถูกดำเนินคดีรวมถึงผู้สนับสนุนด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เดินทางไปยังกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 อ.เมือง จ.กระบี่ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฎิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 56/66 ซึ่งมี ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการ กองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและคณะ ในการสอบสวนบันทึกปากคำพยานปากสำคัญในคดีการทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่
หลังจากนั้นคณะได้เดินทางไปรับทราบข้อมูลพื้นที่ข้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ สาขาคลองท่อม ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยมี นายเติมศักดิ์ เสียมไหม ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์อ่าวลึก นางจันทิมา ชาตะญาณ ผู้อำนวยการนิคมคลองท่อม และผู้มีส่วนได้เสียคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อเกษตรชาวจังหวัดกระบี่ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ จากนั้นคณะได้ประชุมหารือแนวทางร่วมกันโดยมีสาระสำคัญในเรื่องของการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดและการบริหารจัดการของกลางในคดีพิเศษให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงยุติธรรม ที่ประกาศไว้โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่ปี 2547
ร.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการคดีพิเศษรับคดีการทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และสอบสวนพบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดจนกระทั้งถึงวันที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่งตั้งให้ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน และลงพื้นที่อำนวยความสะดวกแก่พยานในคดีจึงถือโอกาสมาตามความคืบหน้าคดีและทำความเข้าใจชี้แจงข้อสงสัยต่างๆของผู้มีส่วนได้เสียเนื่องจากคดีนี้มีผู้กระทำความผิดจำนวนหลายราย และมีผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก และคดียังไปเกี่ยวพันต่อเนื่องกับการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินนิคมอีก
ร.ต.อ.ปิยะ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการร้องทุกข์ตามกรอบอำนาจพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จำนวน 3 คดีด้วยกัน คือ 1. คดีชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว
2. คดีที่ดินในนิคมคลองท่อม สำหรับเรื่องนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ส่งเอกสารที่น่าเชื่อว่า เป็นการรับรองเอกสารมิชอบเพื่อออกโฉนดที่ดินในนิคมคลองท่อม จำนวน 313 แปลง ให้ทำการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และกำหนดจะลงพื้นที่กลางเดือนกันยายน นี้ และพบการกระทำความผิดแล้ว แต่ต้องสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุม รอบด้าน
3. คดีบุกรุกครอบครองพื้นที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก796 ไร่ คณะพนักงานสอบสวนที่ทำหน้าที่สืบสวนลงพื้นที่ตรวจตรวจสอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สืบสวนพบว่า การอนุญาตให้ใช้ที่ดินสิ้นสุดลงมา 11 ปี ซึ่งผู้รับอนุญาตเดิมยังคงครอบครองทำประโยชน์ และมีผู้เข้าครอบครองใหม่ 35 ราย เข้าทำการแย่งสิทธิต่อกัน ผู้เช่าเดิมจึงยืนขอต่ออายุ ทั้งที่การอนุญาตสิ้นสุดมาเป็นเวลา 11 ปี แล้ว ผู้เข้าทำประโยชน์ใหม่ 35 รายยื่นขออนุญาต ซึ่งทางสหกรณ์จังหวัดได้เสนอต่อกรมส่งเสริมสหกรณ์พิจารณาไม่อนุญาตให้ทั้ง 2 กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษจะสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทุกรายและให้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน หลังจากที่ดำเนินคดีแล้วจะส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปบริหารจัดการตามหน้าที่และอำนาจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อไป
ส่วน ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 56/66 ได้ประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ในวันนี้(15 ส.ค.) ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบปากคำอำนวยความสะดวกให้กับพยานปากสำคัญในพื้นที่ และในโอกาสนี้ต้องการบอกรายละเอียดและขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนในฐานะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ
ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ เมื่อมีผู้ร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็พิจารณาออกคำสั่งสืบสวน แต่เนื่องจากคดีนี้ การกระทำความผิดไม่อยู่ในประกาศท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ โดยตรง กรมสอบสวนคดีพิเศษจึง นำเรื่องสืบสวน เสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ และคณะกรรมการคดีพิเศษให้รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ และตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และเมื่อสืบสวนสอบสวนพบการกระทำความผิดและมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกระทำความผิด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษขณะนั้น เลขคดี 215/2565 จึงสรุปสำนวนส่งยังคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งตามขั้นตอนของ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนไปยังผู้อำนวยการ ป.ป.ช.ในที่เกิดเหตุซึ่งเรื่องนี้ สำนวนนี้จึงกลับมายัง ป.ป.ช.กระบี่ และ ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.กระบี่ ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นให้ส่งสำนวนกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.และเมื่อการประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ได้เห็นชอบให้ ส่งสำนวน กลับยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
"พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้โดยมีเลขคดีที่ 56/66 มีผมเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้ได้รับสำนวนการสอบสวนและมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนแล้ว แต่เนื่องจากยังมีของกลางในคดีซึ่งมีมูลค่าสูง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางมาดูของกลางในดดีด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากนี้ จะเรียกประชุมร่วมกับหลายส่วนเพื่อรับของกลางในคดี และเนื่องจากคดีนี้ผู้เสียหายได้ถวายฎีกาต่อสำนักพระราชวัง จึงมีความจำเป็นที่จะทำงานร่วมกับคณะที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม และผู้ที่กระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดี ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดก็จะถูกดำเนินคดีด้วย" ร.ต.อ.ชาญณรงค์กล่าว และย้ำว่า "ผมเห็นใจเกษตรกรที่ร่วมลงทุนและมีส่วนได้เสียในรูปแบบสหกรณ์”
ส่วนนายประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้นัดหมายกับ ร.ต.อ.ปิยะ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ แต่เนื่องจากนายวิศฺษฐ์ ไปราชการที่ต่างประเทศเมื่อกลับมาไม่สบาย แพทย์สั่งให้พักผ่อนหลายวันและเมื่อนัดหมายกันไว้ก่อนแล้วจึงมอบให้ลงพื้นที่ปฎิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 101/2565 ในการแก้ปัญหาในสหกรณ์ ซึ่งวันนี้ได้รับรายงานจาก ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากที่คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ส่งสำนวนกลับมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดกรณีชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ที่มีผลกระทบต่อวงกว้างมีผู้มีส่วนได้เสียมากกว่า 50,000 ราย
“ผลการสืบสวนสอบสวนทำให้ทราบว่า การทุจริตในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ มีสหกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มกระบี่ มีความผูกพันและต่อเนื่องไปยังสหกรณ์อื่นพื้นที่อื่น ทั้งที่ชุมนุมสหกรณ์ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอ่าวลึก แต่ต้องต่อเนื่องเกี่ยวเนื่องมายังพื้นที่นิคมคลองท่อมและเกี่ยวกันพันกับสหกรณ์นิคมคลองท่อม สหกรณ์การยาง และยังต่อเนื่องไปถึงการได้มาซึ่งที่ดินในนิคม และกรมสอบสวนคดีพิเศษยังสืบสวนสอบสวนพบเอกสารสิทธิ์มิชอบในนิคมสหกรณ์คลองท่อมที่ออกเป็นโฉนดที่ดินและมีการนำเอาโฉนดที่ดินไปใช้ตามสิทธิ์ของผู้ได้รับเอกสารสิทธิ์ที่ดินและนำที่ดินเล่านี้ไปจัดการตามพระราชบัญญัติที่ดิน จึงส่งผลกระทบต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอื่น และผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ต้องการได้ที่ดินโดยสุจริต และมีความซับซ้อนของการกระทำความผิด จึงได้ลงพื้นที่ร่วมกับ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาและหาทางเยี่ยวยาให้กับประชาชนชาวไทยหรือผู้ที่ได้รับสิทธิ์ได้รับที่ดินในการจัดสรรที่ดินตามคุณสมบัติของการจัดรูปที่ดินในนิคมสหกรณ์” นายประวัติ กล่าว
อ่านข่าวในหมวดเดียวกัน
- อธิบดีDSI ลุยเอง! นำคณะฯ โชว์หมายศาลค้นยึดทรัพย์คดีทุจริต ส.สวนปาล์มฯ กระบี่ 500 ล.
- ดีเอสไอบุกตรวจค้นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม จ.กระบี่ ปมทุจริตชุมนุมสหกรณ์
- 'สมศักดิ์'ยันรู้ตัวคนผิดคดีทุจริตสหกรณ์ปาล์มน้ำมันกระบี่ เตรียมแจ้งข้อหาภายใน มิ.ย.นี้
- มีคนการเมือง-ธนาคารเอี่ยว! คดีทุจริตสหกรณ์ปาล์มกระบี่จ่อแจ้งข้อกล่าวหา ล็อตแรก4-5 ราย
- ชาวสวนปาล์มกระบี่ร้อง ป.ป.ช.หลังพบผู้ต้องหาเตรียมเดินเครื่อง รง.ผลิตน้ำมัน ณ คลองท่อม
- ผู้ต้องหายังครอบครองของกลาง! ส.สวนปาล์ม จี้ รมว.ยธ.ทบทวนคดีทุจริตยึดทรัพย์ 500 ล.